ภาพยนตร์เรื่อง "Pay It Forward" เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ เด็กชายแทรเวอร์ แม็คคินนีย์ ที่ทุกข์ใจกับการมีแม่ที่เสพติดแอลกอฮอล์และความหวาดกลัวพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรง แทรเวอร์พบครูสอนวิชาสังคมศาสตร์คนใหม่ ซึ่งได้ให้การบ้านแก่เขาคือ “คิดหาแนวทางเปลี่ยนแปลงโลกแล้วนำไปปฏิบัติ” แทรเวอร์ได้เสนอแนวคิดที่ส่า การทำความดีที่มิใช่การตอบแทนแต่เป็นการทำดีต่อไป โดยเขาได้เสนอให้มีการทำความดีแก่ผู้อื่นต่อไปอีกสามคน โดยได้สรุปข้อสำคัญ 3 เรื่องคือ 

1 ต้องทำสิ่งที่เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริง

2 ต้องเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

3 เราทำให้พวกเขาแล้วพวกเขาทำต่อให้คนอื่นอีกสามคน

ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามเล่าถึงการพยายามเปลี่ยนแปลงโลกรอบตัวด้วยการทำความดีของแทรเวอร์ ที่ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้มีผลแค่เพียงกับชีวิตของแทรเวอร์ แต่ยังส่งผลไปถึงแม่และครูของเขา รวมถึงคนอื่นในชีวิตรอบตัวเขาและในวงกว้างที่ไม่รู้จักเขาเลย แนวคิด Pay It Forward ในภาพยนตร์เรื่องนี้ การเปลี่ยนแปลง (Change) และการให้ (Pay)  

แทรเวอร์ กับแผนภูมิแนวคิด “Pay It Forward” ของเขา

Pay It Forward สร้างจากหนังสือของผู้เขียนคือ Catherine Ryan Hyde ซึ่งได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยายเรื่องนี้ว่า มาจากประสบการณ์จริงของเธอที่เคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 กว่าปีมาแล้วคือ  

“...กลางดึกคืนหนึ่งฉันขับรถอยู่บนถนนสายเปลี่ยว แล้วรถเกิดเสียขึ้นมา มีควันเข้ามาในรถ ด้วยความตกใจกลัว ฉันเห็นชายสองคนเดินเข้ามาในใจคิดว่าเขาจะมาปล้นหรือทำร้าย ปรากฎว่าเขาเข้ามาช่วยดูรถให้ และช่วยชีวิตฉันจากการระเบิดของเครื่องยนต์รวมทั้งตามหน่วยกู้ภัยมาให้ และขณะที่ฉันกำลังพูดคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยอยู่นั้น ฉันก็พยายามมองหาชาย 2 คนนั้นเพื่อจะกล่าวคำขอบคุณ แต่ก็ไม่เห็นพวกเขาเสียแล้ว ฉันเองอยากจะตอบแทนพวกเขาแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตั้งแต่นั้นมาฉันจึงคอยมองผู้คนรอบข้างที่ต้องการความช่วยเหลือและช่วยเหลือพวกเขา ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนคนแปลกหน้าที่ 2 คนที่เขาเคยช่วยฉันในคืนนั้นนั่นเอง...”

iok2u Pay It Forward มุ่งหวังที่จะเผยแพร่ความรู้ต่อไป จากเป้าหมายเล็กและหวังว่าจะมีสัก 3 คนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องอ้างอิงที่มาเพื่อตอบแทนผู้จัด แต่อยากให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์เพื่อถ่ายทอดต่อไปข้างหน้าต่อไป  

ลองถามตัวเองดูไหมว่า “วันนี้เราพร้อมที่จะ Pay It Forward แล้วหรือยัง?”

ภาพยนตร์ชีรี่ย์​เกาหลี ​I not a robot เรื่องราวส่งเสริมนักประดิษฐ์ คิดค้น นวัตกรรม และการแข่งขัน และการทำงานแบบสตารทอัพ สมแล้วที่เขาพัฒนาในด้านนี้ หนังวัยรุ่นสร้างสรรค์ความคิดและกำลังใจ

หันดูทีวีของไทยเมียหลวงเมียน้อยตบตีหยาบคายโจรร้ายพวกขี้โกงเล่นเส้นสายพวกฟ้องเต็มจอ บางทีหนังก็สะท้อนสังคมในวันเวลานั้นได้เหมือนกัน

พัฒนา​คนผ่านสื่อทำได้ แต่ต้องตั้งใจใช้คนให้ถูกงาน ทำไอทีใช้คนไอที ผ่าตัดใช้หมอผ่าตัด สร้างบ้านใช้วิศวกรดูแล และงานสื่อสร้างสรรคต้องใช้คนทำสื่อนิเทศที่ดีมีความรู้

จึงจะได้ผลลัพธ์​ที่ดี

ภาพยนตร์ 007 เพชรพยัคฆราช (Diamonds Are Forever) เป็นภาพยนตร์แนวสายลับฉายเมื่อปี ค.ศ. 1971 (2514) นำเทคโนโลยีอ่านลายนิ้วมือพิสูจน์ตัวตนออนไลน์ สมัยนั้น 50 ปีก่อนคงดูว่าโม้มาก ไหนจะถ่ายสแกน ส่งภาพออนไลน ไปตรวจเทียบฐานข้อมูล ตอบผล

มาวันนี้ทุกคนมีใช้ในทั่ว เช่น ในโทรศัพท์ที่สแกนนิ้วหรือใบหน้าพิสูจน์​ตัวตน​เพื่อใช้งาน แถม​มีแม้ในโทรศัพท์ราคาไม่กี่พันบาท

ดูหนังเก่าจะเห็นปัจจุบัน ดูหนังปัจจุบันจะเห็นอนาคต

ภาพยนตร์ 007 ยอดพยัคฆ์ราชินี (On Her Majesty's Secret Service) ค.ศ. 1969 (2512) เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 6

มีตอน 007 ต้องรีบเดินทางขับรถไปกว่า 50 กม. ไปหาตู้โทรศัพท์ เพื่อติดต่อแจ้งข่าวด่วนแก่หน่วยงาน

คุณพระ ! เพื่อไปโทรศัพท์ต้องขับรถไกลเป็นสองสามชั่วโมง​ แถมต้องเสี่ยงชีวิต​ฝ่าพายุหิมะแค่จะไปหาตู้โทรศัพท์ เด็กยุคนี้คงไม่เข้าใจ

ในเวลาต่อมาไม่ถึง 40 ปี ตู้โทรศัพท์​ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์​ สูญพันธ์ในเวลารวดเร็ว

และกำลังจะตามไปด้วยการสูญพันธุ์​ของโทรศัพท์​ เพราะ​เราใช้อินเทอร์เน็ต​สื่อ​สารได้แทบจะ​ทุกแบบ ภาพเสียง ไฟลข้อมูล และวิดีโอแถมยังทำได้จากทุก​ที่​ในโลก