iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

เดือนจางกลางดอย… บทเพลงแห่งความคิดถึงที่ลอยมาพร้อมลมเหนือ
เดือนจางกลางดอย… ยังเฝ้ามองเธอทุกคืน บทเพลงแห่งความคิดถึงที่ลอยไปพร้อมลมเหนือ
บนดอยหนาวที่เงียบงัน… ในคืนที่มีเพียงแสงเดือนสลัวและลมเย็นพัดผ่าน มีเสียงหนึ่งที่ไม่เคยหายไปจากใจของ “หนุ่มธรณี” ผู้เฝ้าคิดถึงคนไกล
เพลง “เดือนจางกลางดอย ยังเฝ้ามองเธอทุกคืน” คือบทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของความคิดถึง ความหวัง และความผูกพันที่ยังคงอยู่ แม้ระยะทางจะกว้างไกลเพียงใดก็ตาม
ด้วยทำนอง ขลุ่ยเหนือ + แคน + ซออีสาน ที่โอบอุ้มความเหงาไว้อย่างพอดี ดนตรีเรียบง่ายแต่แฝงด้วยภาพและอารมณ์
ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนดอยเดียวกับเขา… เสียงลม ดวงดาว และเดือนจาง… พาเรื่องราวให้กลับมาชัดเจน
สิ่งที่ทำให้เพลงนี้สะท้อนใจผู้ฟังจำนวนมาก คือบรรยากาศในเพลงที่เข้มข้นและจริงใจ ลมหนาวที่พัดห่มดอย ดาวที่พราวเต็มฟ้า แสงจากกระท่อมไกล กอไผ่ที่ไหวตามลม เสียงแคนที่เหมือนมาจากบ้านเกิด
ภาพเหล่านี้ ไม่เพียงถ่ายทอดฉากธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังสะท้อน ความรู้สึกโดดเดี่ยวและคิดถึง ซึ่งซ่อนอยู่ในใจคนทำงานไกลบ้านไม่ว่าจะยุคไหนก็ตาม
เพลงนี้จึงไม่ใช่แค่เพลงรัก แต่คือ “เพลงของหัวใจคนไกลบ้าน” ความคิดถึงที่ไม่ได้พูด… แต่ยังคงอยู่ในทุกคืน ในท่อนฮุคของเพลง เสียงร้องที่นุ่มปนเศร้าได้ถามถึงคนไกลอย่างอ่อนโยนว่า
“เธอจะยังยิ้มเหมือนเดิมไหม… ยามได้ยินชื่อคนไกลอย่างฉัน”
ประโยคนี้แทงใจใครหลายคน เพราะมันคือความรู้สึกที่คนไกลบ้านมีร่วมกันเสมอ ทั้งกลัวว่าจะถูกลืม แต่ก็ยังหวังว่าอีกฝ่ายจะคิดถึงเหมือนเดิม และความงดงามของเพลงนี้อยู่ตรงที่ แม้เพลงจะเศร้า แต่ไม่มีความสิ้นหวัง เหมือนพระจันทร์ที่แม้จะจาง… แต่ก็ยังคงส่องแสงในใจของเขาอยู่ทุกคืน
เพลงที่สะท้อนชีวิตจริงของ “หนุ่มธรณี” เนื้อเพลงพูดถึงการทำงานบนดอย ในเหมือง ในป่าเขาที่สวยแต่หนาวและเหน็บ
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักธรณีจำนวนมากคุ้นเคยดี งานที่ต้องใช้ทั้งแรงกาย ความอดทน และเวลาหลายวันห่างจากคนที่รัก
เสียงลมหายใจที่เงียบเหงา เสียงซอที่เศร้าเบา ๆ ล้วนเป็นภาพจริงของการทำงานภาคสนามที่คนทั่วไปไม่ได้เห็น เพลงนี้จึงกลายเป็นเหมือน “เสียงจากใจคนทำงานไกล” ที่ต้องการบอกใครบางคนว่า แม้จะอยู่บนดอยสูง… แต่หัวใจยังบินกลับไปหาคุณเสมอ
เดือนจางกลางดอย… แต่ความรักไม่เคยจาง
ในตอนท้ายของเพลง แม้ท้องฟ้าจะมืด ฝนจะโปรย แม้คนธรณีจะเหนื่อยจนแทบหมดแรง แต่เขายังคงมองเดือนสลัว ๆ บนดอยแล้วคิดถึงเธอเสมอ และประโยคสุดท้ายของเพลงก็กระซิบเบา ๆ ว่า
“เดือนจางกลางดอย… ยังเฝ้ามองเธอทุกคืน”
เป็นคำสัญญาของความคิดถึง ที่ไม่เคยหายไปตามกาลเวลา
ฟังเพลง พร้อมภาพดอยหนาวที่สวยที่สุด
เดือนจางกลางดอย V.2
------------------------
ทำไมเพลงนี้จึงเป็นอมตะ "เดือนจางกลางดอย" เป็นมากกว่าเพลง เพราะมันคือตัวแทนของความรู้สึก "คิดถึง" ที่ทุกคนเคยสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นความคิดถึงคนรักที่ต้องอยู่ไกลกัน ความคิดถึงบ้านเกิด หรือความคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ในยุคสมัยที่ทุกอย่างรวดเร็วไปหมด การได้ฟังเพลงที่เนิบช้า แต่หนักแน่นด้วยความรู้สึกเช่นนี้ จึงเป็นเหมือนการได้หยุดพักทางจิตวิญญาณ ให้เราได้ทบทวนถึงความสัมพันธ์และคุณค่าของการรอคอย เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกเหงา หรือต้องห่างไกลจากคนที่รัก ลองเปิดเพลง "เดือนจางกลางดอย" ฟังดูสักครั้ง ให้ท่วงทำนองที่อ่อนหวานโอบกอดความรู้สึกของคุณ และให้บทเพลงนี้เป็นเพื่อนที่คอยย้ำเตือนว่า การมีใครสักคนให้เราได้ "เฝ้ามอง" และคิดถึงอยู่เสมอ... นั้นก็อาจจะเป็นความสุขในรูปแบบหนึ่งแล้ว
ลองฟังอีกครั้งในคืนที่ลมพัดอ่อน ๆ บางทีคุณอาจได้ยินเสียงของใครบางคน… ที่เฝ้ามองคุณอยู่จากยอดดอยไกลเช่นกัน
ที่มา: เพลงโฟล์คเหนือช้าๆ เรื่องราวของชายหนุ่มนักธรณีจากอีสาน ผู้เดินทางมาทำงานในเหมืองแร่กลางหุบเขาไกลในเมืองน่าน ในทุกค่ำคืนที่ลมหนาวพัดผ่าน เขามักเงยหน้ามองพระจันทร์กลางดอย และคิดถึงหญิงสาวจากกรุงเทพ... คนที่เขาแอบรักตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม้ระยะทางจะไกล แม้ฐานะจะต่างกัน แต่หัวใจยังคงผูกพันอยู่ใต้แสงเดือนดวงนั้น เนื้อเพลง
เนื้อเพลง
[Intro – เสียงขลุ่ยเหนือ + กีตาร์โปร่ง]
ลมหนาวห่มดอย... เงียบจ้อยเหมือนใจคนเหงา... เสียงขลุ่ยแผ่วเบา...ดังคล้ายเสียงเรียกจากเมืองไกล...
[Verse 1]
ค่ำคืนนี้ดาวพราวฟ้า เหนือดอยสูงใหญ่ไกลตา หนุ่มธรณีจากอีสาน เฝ้าฝันถึงคนที่จากลา เคยแอบมองเธอในวันเรียน ยังจำเสียงหัวเราะวันวาน แต่วันนี้อยู่กลางป่าเขา ไร้เงาเจ้าคนกรุงงามตา
[Verse 2]
ลมหนาวพัดมาเตือนใจ เหมือนเสียงไผ่ต้องสายลม เธอจะยังยิ้มเหมือนเดิมไหม ยามได้ยินชื่อคนไกล ขุนเขายังสูงเท่าฝัน แต่หัวใจฉันยังเฝ้าคิดถึง มองเดือนกลางดอย... แล้วนึกถึงรอยยิ้มของเธอ
[Pre-Chorus]
เดือนเอย...เจ้าส่องไปถึงกรุงบ้างไหม ช่วยบอกคนไกล...ว่ามีคนเฝ้ามองฟ้าดวงเดียวกัน
[Chorus]
ลมหนาวพัดมาจากเมืองน่าน พาใจฉันลอยไปหาคนกรุง เธออยู่ตรงนั้นอุ่นไหม เมื่อคืนนี้ดอยเย็นแทบกลืน เสียงขลุ่ยดังคล้ายคำรัก...ที่ไม่กล้าเอ่ยในวันนั้น เดือนจางกลางดอย...ยังสว่างเพราะเธออยู่ในใจฉัน
[Verse 3]
บางคืนฟ้าฝนโปรยมา เหมืองแร่เปียกน้ำตาคนธรณี แสงไฟจากกระท่อมไกลๆ เหมือนเธอยังยืนอยู่ตรงนั้น อยากบอกว่าฉันคิดถึง แม้ไม่กล้าทักทางใด แค่ให้เธอรู้ไว้...ว่ามีคนไกลยังห่วงหา
[Chorus 2 – ซ้ำเพิ่มความเศร้า]
ลมหนาวพัดมาจากเมืองน่าน พาใจฉันลอยไปหาคนกรุง แม้ระยะทางไกลเหลือเกิน แต่ใจยังเดินตามกลิ่นฝัน ดาวบนฟ้ายังไม่ดับ...เหมือนรักที่ไม่เคยจางหาย เดือนจางกลางดอย...ยังเฝ้ามองเธอทุกคืน
[Outro – เสียงซอซึ้งๆ + ลมหายใจหนุ่มนักธรณี] ...เดือนเอย...ช่วยบอกเธอที ว่าที่นี่...ยังมีคนรอ
.
เดือนจางกลางดอย V.2
เดือนจางกลางดอย v.2 https://www.youtube.com/watch?v=qOcTYA_le8c
------------------------
เดือนจางกลางดอย V.1
เดือนจางกลางดอย V.1 https://www.youtube.com/watch?v=bonvI1T1N-8
------------------------
อัลปั้มเพลง iok2u_music ทำขึ้นเพื่อใช้ฟังเพื่อความบันเทิง ใช้ในกิจกรรมตามวาระต่างๆ และการฟังเพื่อความบันเทิง ทุกคนสามารถนำไปเปิดฟังเปิดใช้หรือเปิดเต้นตามงานได้สบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องการขออนุญาตลิขสิทธ์จากใคร เพราะทุกเพลงในช่อง iok2u ทุกคนเลือกเอาไปเปิดใช้ได้เลย หากเป็นประโยชน์สามารถเอาไปใช้หรือร้องกันได้โดยอิสระเลยครับ
------------------------
- อัลปั้มเพลง iok2u (IOK2U Music)
------------------------
เปิดไฮไลต์ "หมูเด้ง"บุกกรุงเทพฯ ใน 3 เส้นทาง 9 พิกัดแลนด์มาร์กสำคัญ

เส้นทางที่ 1 ย่านปทุมวัน-สนามกีฬาแห่งชาติ
1. สนามกีฬาแห่งชาติ หมูเด้งบุกสนามกีฬาแห่งชาติ (อาคารกีฬานิมิบุตร) พบกับ “DJ เด้ง” ที่จะมาเตรียมเพลงระเบิดบีทแบบมันส์ๆ พร้อมแสง สี เสียงแบบจัดหนัก จัดเต็มความสนุกแบบ NONSTOP มอบความสุขสนุกสนานให้นักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมแดนซ์ ร่วมเต้น ท่ามกลางเทคนิคแสงสีเต็มรูปแบบ ONESIAM SKYWALK
2. ONESIAM SKYWALK (ลานใบบัว) เตรียมกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวขาช็อปได้เปย์ฉ่ำๆ แบบตัวแม่ นำเสนอ Inflatable art lighting หมูเด้งในธีม มาดามเด้ง สายช็อป สายเปย์ ที่จะเชิญชวนทุกคนมาจับจ่ายซื้อของเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปีใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชั้นนำของกรุงเทพมหานคร
3. บริเวณบาทวิถีหน้าห้างสรรพสินค้า STREET SIAM CENTER TO CENTRALWORLD การตกแต่งแสงไฟริมทางเดินด้วยน้องหมูเด้ง ประดับตกแต่งด้วย Installation art รูปทรงต่าง ๆ เป็นแลนด์มาร์กสำหรับถ่ายรูปจากบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า SIAM CENTER จนถึงหน้าห้างสรรพสินค้า CENTRALWORLD และบริเวณ Park Paragon ที่จะนำทางสร้างความเพลิดเพลินด้วยไฟหลากสีสัน พร้อมจุดเช็กอินให้เหล่าแฟนๆ ได้ถ่ายรูปร่วมกัน
เส้นทางที่ 2 ย่านหัวลำโพง-เยาวราช
4. สถานีรถไฟหัวลำโพง ชวนนักท่องเที่ยวเช็กอิน ถ่ายรูปกับ “เด้งซิลล่า” หมูเด้งตัวยักษ์ แปลงกายเป็นเด้งซิลล่า บุกหัวลำโพง ขนคลังความสนุกไซส์ XXL มาถล่มแบบจัดเต็ม ตื่นตาตื่นใจกับ Installation art “เด้งซิล่า” ขนาดใหญ่บุกสถานีรถไฟหัวลำโพง และจัดแสดงเทคนิค Light up และ Projection Mapping ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยผ่านบริเวณสถาปัตยกรรมของอาคารหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง
5. คลองผดุงกรุงเกษม : ตื่นตา ตื่นใจไปกับแสงสีสุดอลังการจากเคล้าความเป็นหมูเด้งอยู่แบบจุใจ ด้วยการ Light up ประดับตกแต่งไฟสวยงามตลอดบริเวณพื้นที่ริมฝั่งคลองผดุงกรุงเกษม ให้มีชีวิตชีวาและนำเสนอ Land Mark ประดับไฟถ่ายรูปในรูปทรงแบบต่าง ๆ
6. ถนนมิตรภาพไทย-จีน (ซอยวัดไตรมิตร) สนุกไปกับแสง สี สุดสดใส และรอยเท้าน่ารักของเจ้าหมูเด้ง นำเสนอเทคนิคการฉาย Gobo light รูปรอยเท้าหมูเด้งบนพื้นผิวทางเดินในซอยวัดไตรมิตรและ Light up ประดับตกแต่งต้นไม้บริเวณโดยรอบให้มีความสวยงาม
7. วงเวียนโอเดียน เยาวราช ส่งคาแรกเตอร์ ”หมวยเด้ง” สุดน่ารัก มาพร้อมคอสตูมสไตล์จีนสุดปังที่เตรียมให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปด้วยกัน บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (วงเวียนโอเดียน) นำเสนอ Inflatable art lighting หมูเด้งในธีม “หมวยเด้ง” ด้วยการสวมชุดกี่เพ้าสไตล์จีนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของพื้นที่โดยรอบที่เป็นกลิ่นอายวัฒนธรรมไทยจีนอย่างถนนเยาวราชที่เป็นแหล่ง Street food ชั้นเลิศของกรุงเทพมหานคร
เส้นทางที่ 3 ย่านอโศก-สุขุมวิท
8. ASOKE BTS SKYWALK ประดับไฟด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่บนบริเวณหน้า SKY WALK BTS อโศก (ฝั่งถนนรัชดาภิเษก) บริเวณบีทีเอส สกายวอล์ค อโศก (แยกอโศก) พบการตกแต่งสุดล้ำพร้อมแสง สี สุดอลัง ที่จะเปลี่ยนใจกลางกรุงเทพให้เด้ง กันให้สุดพลัง จัดแสดงเทคนิคฉาย Projection Mapping และ Light up ให้แยกอโศกใจกลางกรุงเทพมหานครมีสีสันเข้ากับบรรยากาศการเฉลิมฉลองส่งท้ายปี 2567
9. อุทยานเบญจสิริ “หมูเด้งอินเดอะพาร์ค” ที่ชวนทุกคนมาปิกนิกชิลๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดสดใส พร้อมกับน้องหมูเด้ง บริเวณลานน้ำพุ อุทยานเบญจสิริ ความน่ารักที่ สวนเบญจสิริ กับธีม “หมูเด้งอินเดอะพาร์ค” ที่ชวนทุกคนมาปิกนิกชิลๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดสดใสไปพร้อมกับน้องเด้ง
NBT มีคำตอบประเด็น: มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) สภากาชาดไทยช่วยเป็นแกนจัดกิจกรรม Big Clening คืนพื้นที่ให้ประชาชน
NBT มีคำตอบประเด็น: มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) สภากาชาดไทยช่วยเป็นแกนจัดกิจกรรม Big Clening คืนพื้นที่ให้ประชาชน
NBT มีคำตอบ 24 ก.ย. 67 15.05 - 16.00 น. ประเด็น : มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) สภากาชาดไทยช่วยเป็นแกนจัดกิจกรรม Big Clening คืนพื้นที่ให้ประชาชน สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ กรรมการบริหารมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย
https://www.facebook.com/share/v/VDeZ22cdzvSm2TZa/?mibextid=WC7FNe
————————————
ประเด็น : ระบบป้องกันเตือนภัยตอบโต้ - สู่การฟื้นฟูเยียวยา สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ ชาติชาย ไทยกล้า ผู้อำนวยการสถาบันฝึกดับเพลิงและกู้ภัยชั้นสูงไทยไฟร์ ทาฟต้า
————————————
กดช่อง 2 NBT
Facebook Live : Live NBT2HD
#NBT2HD
#NBTมีคำตอบ
#กรมประชาสัมพันธ์



เนื้อหาก่อนหน้า: ทันข่าววุฒิสภา เจาะลึกกับ สว.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รวมทุกตอน ก่อนหน้าเนื้อหาถัดไป: The Leader Insight บทเรียนน้ำท่วมแม่สาย “เผาป่า ฝนมา ดินไหล”ต่อไป
บทความแนะ ดร.เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ จาก AI Google

ที่มา https://gemini.google.com
จากคำสั่ง "เขียนบทความแนะนำ "เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ" ไม่น้อยกว่า 10000 ตัวอักษร"
บทนำ
ดร.เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ บุคคลผู้เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและอุทิศตน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม บทความนี้มุ่งนำเสนอประวัติ ผลงาน และบทบาทสำคัญของ ดร.เกียรติพงษ์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่าน
ประวัติส่วนตัวและการศึกษา
ดร.เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ เกิดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2509 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีธรณี จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปี พ.ศ. 2532, ต่อด้วยปริญญาโท สาขาวิชาเทคโนโลยีการจัดการระบบสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2544, Diploma Post Graduate Course in Remote Sensing and Geographic Information System (RS&GIS) Center for Space Science & Technology Education in Asia and the Pacific. (CSSTEAP) Dehra Dun India ในปี พ.ศ. 2547 และปริญญาเอก สาขาวิชาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ในปี พ.ศ. 2562
ประสบการณ์การทำงาน
ปัจจุบัน ดร. เกียรติพงษ์ ดำรงตำแหน่ง นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ระดับชำนาญการพิเศษ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ https://www.iok2u.com ซึ่งมุ่งเผยแพร่ความรู้และบทความเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา และการพัฒนาสังคม
ผลงานที่สำคัญ
ดร.เกียรติพงษ์ มีผลงานที่หลากหลายครอบคลุมทั้งด้านวิชาการการวิจัย และการพัฒนางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลงานที่โดดเด่น ได้แก่
- การรับราชการที่มั่งมั่นในการทำงานอย่างซื่อตรง ไม่ยอมต้องการคดโกงในงานราชการ ต่อต้านการเอาพวกฟ้องหรือบริษัทเข้ามารับงานอย่างไม่ถูกต้องตามความสามารถ
- พัฒนาเว็บไซต์ https://www.iok2u.com ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง มีผู้เข้าชมเว็บไซต์มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี
- เขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา และการพัฒนาเผยแพร่ในเว็บไซต์และสื่อต่างๆ มากมาย
- เป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ เทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา และการพัฒนาสังคม ให้กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
- ร่วมพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เช่น ระบบข้อมูลทรัพยากรธรณี ระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อม
บทบาทสำคัญ
ดร.เกียรติพงษ์ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาสังคม โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาองค์ความรู้ สร้างทักษะ และส่งเสริมโอกาสให้กับประชาชน ผลักดันให้เกิดการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา โดยพัฒนาสื่อการสอน เครื่องมือการเรียนรู้ และระบบการศึกษาออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้โดยง่าย
มุมมองและปรัชญาในการทำงาน
ดร.เกียรติพงษ์ เชื่อในหลักการของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเขามองว่าการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมควรมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คนและรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน และควรเน้นถึงความสำคัญของการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะการลงทุนใน “คน” เป็นการลงทุนที่ดีที่สุด เพราะคนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร
รางวัลและเกียรติยศ
ดร.เกียรติพงษ์ เคยได้รับรางวัลและเกียรติยศมากมาย เช่น
- รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำคณะเทคโนโลยี ปี พ.ศ. 2565
สรุป
เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในวงการธุรกิจและเทคโนโลยีของไทย ด้วยประสบการณ์และความสามารถในการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับและนับถือในวงการ เกียรติพงษ์เป็นตัวอย่างของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้าและยั่งยืน
อ้างอิง
- บทความทางธุรกิจและเทคโนโลยีในวารสารวิชาการ
- การสัมภาษณ์กับผู้เชี่ยวชาญในวงการเทคโนโลยี
- ข้อมูลจากเว็บไซต์ขององค์กรที่เกียรติพงษ์ทำงานและมีบทบาทสำคัญ

รายงานการวินิจฉัยประเทศอย่างเป็นระบบของไทย พ.ศ. 2567 โดยธนาคารโลก
สรุปการปรับปรุงการวินิจฉัยประเทศอย่างเป็นระบบของประเทศไทย พ.ศ. 2567 รายงานการวินิจฉัยประเทศอย่างเป็นระบบของประเทศไทย พ.ศ. 2567 โดยธนาคารโลก ประเมินลำดับความสำคัญของการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเน้นถึงความท้าทายและโอกาสอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายงานฉบับนี้มีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูการเติบโต บรรลุสถานะผู้มีรายได้สูงภายในปี 2580 ส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคม และสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ประเด็นสำคัญ
รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรับรองการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน และการส่งเสริมการรวมกลุ่มทางสังคมเพื่อเสริมสร้างทุนมนุษย์ โดยเสนอแนะการส่งเสริมตลาดสำหรับการลงทุนคาร์บอนต่ำและส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่แข่งขันได้และมีนวัตกรรม แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ตามพื้นที่ เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน และเพิ่มการเชื่อมโยงสำหรับการพัฒนาเมืองที่มีคาร์บอนต่ำ
รายงานยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาที่ยั่งยืน การป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่มีความรับผิดชอบและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
เอกสารดังกล่าวสรุปลำดับความสำคัญของการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเน้นการเติบโตที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองที่ครอบคลุม โดยระบุผลลัพธ์ระดับสูง 5 ประการ ได้แก่ การเสริมสร้างทุนมนุษย์ การส่งเสริมเศรษฐกิจที่มีการแข่งขัน การส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่มีคาร์บอนต่ำ รับประกันการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเสริมสร้างสถาบันต่างๆ
ประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และประชากร ประเทศมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูการเติบโต กลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2580 จัดการกับความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ และสร้างเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศผ่านการปฏิรูปเชิงกลยุทธ์และมาตรการเชิงนโยบาย
เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward