iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

แนะนำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจ

สำนักโลจิสติกส์ มุ่งยกระดับประสิทธิภาพการจ
ในปี 2559 มีสถานประกอบการหรือโรงงานท
ที่สามารถคิดมูลค่าได้ ทำให้สถานประกอบการไม่เพียง
หลังจากสำรวจและค้นหาปัญหาห
(1) การให้บริการลูกค้าและกิจกร
(2) การวางแผนจัดซื้อ จัดหาวัตถุดิบ อุปกรณ์ต่างๆ
(3) การสื่อสารด้านโลจิสติกส์แล
(4) การดำเนินการ ผลิต บรรจุ และขนส่ง
(5) การเลือกสถานที่ตั้งของโรงง
(6) การวางแผนกำลังการผลิต และการคาดการณ์ปริมาณความต้
(7) การบริหารจัดการสินค้าคงคลั
(8) การบริหารการจัดเก็บ การรวบรวม การกระจายสินค้า และบรรจุหีบห่อ
(9) กระบวนการโลจิสติกส์ย้อนกลั
จากนั้นดำเนินการตรวจสอบ และติดตามผล หากทุกอย่างบรรลุเป้าหมายที
โครงการพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือด้านสุขอนามัยของสินค้าอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกในตลาดเอเซียและสหภาพยุโรป ปี 2558

สนับสนุนโดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.thaifoodtrace.com/
แผนการดำเนินงานของสำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ประจำปีงบประมาณ 2555
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้รับภารกิจเพิ่มเติมในด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี 2549 จึงมีคำสั่งแต่งตั้งสำนักโลจิสติกส์อุตสาหกรรมเป็นการภายใน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อมาได้รับการยกระดับเป็นสำนักโลจิสติกส์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2551 และได้เร่งดำเนินงานการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2555 จะดำเนินการตาม แผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม (พ.ศ. 2555-2559) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554 ซึ่งมีข้อมูลพื้นฐานสนับสนุนจากการจัดทำแผนที่เส้นทางหรือ Roadmap โลจิสติกส์อุตสาหกรรม โดยความร่วมมือจากผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมภายใต้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุน ผู้แทนจากหน่วยงานราชการและสถาบันอิสระภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนจากหน่วยงานราชการและสถาบันการศึกษา แผนแม่บทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพด้านโลจิสติกส์ในการประกอบธุรกิจ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในระดับโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายคือ
(1) ลดต้นทุนโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศลง (Manufacturing Logistics Cost per GDP) ลงร้อยละ 15 ภายในปี 2559
(2) เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม ทั้ง 3 มิติ ด้านต้นทุน เวลา และคุณภาพ ขึ้นร้อยละ 10 ภายในปี 2559 โดยแบ่งออกเป็น 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม (Professional Manufacturing Logistics Management)
2. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม (Supply Chain Collaboration and Networking)
3. ยุทธศาสตร์การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (National Supply Chain Competitiveness Enabling Factors)
การดำเนินงานตามแผนแม่บทดังกล่าวในปีงบประมาณ 2555 ได้จำแนกออกเป็น 3 รายการ ได้แก่
(1) การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม
(2) การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทาน
(3) การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วย โครงการจำนวนทั้งสิ้น 25 โครงการ ดังนี้
|
รายการ |
การดำเนินโครงการ |
ลักษณะการดำเนินงาน |
ค่าเป้าหมาย |
|
1. การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม |
|
|
|
|
1.1 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.2 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรม |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.3 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.4 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรม |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.5 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และกลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.6 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคตะวันออก |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.7 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคเหนือ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.8 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.9 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคใต้ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
|
1.10 การส่งเสริมการประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ERP) ในการจัดการและบูรณาการข้อมูลเพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากล |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ให้คำปรึกษาเชิงลึกเพื่อการส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการ |
25 ราย |
|
1.11 การบริหารแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ดำเนินการเพื่อบริหารจัดการ กำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการ ตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม (พ.ศ.2555-2559) ของปี 2555 ด้วยระบบตรวจวัดผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะ มาตรการ แนวทางดำเนินการหรือแก้ไขปัญหา เพื่อให้การดำเนินงานโครงการตามแผนแม่บทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล |
1 เรื่อง 1 ระบบ |
|
1.12 การ Workshop สัญจรขยายผลความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมเพื่อความเข้มแข็งทางธุรกิจ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
จัดทำ Workshop สัญจร 5 ภูมิภาค ไม่รวม กรุงเทพมหานครเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพด้านบุคลากรของภาคอุตสาหกรรม |
700 คน |
|
1.13 การสร้างนักจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนมืออาชีพระดับสากล |
โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง |
พัฒนาและยกระดับความรู้บุคลากรในภาคอุตสาหกรรมให้มีความเชี่ยวชาญด้าน |
350 ราย |
|
1.14 การสร้างที่ปรึกษาด้านการจัดการ |
โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง |
สร้างที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นบุคลากรที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยใช้หลักสูตรการฝึกอบรมที่ได้มาตรฐาน สากลให้กับผู้ที่มีพื้นฐานในการวินิจฉัยหรือให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบการอุตสาหกรรม เพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสำหรับการวินิจฉัยและให้คำปรึกษาเชิงลึกสำหรับสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
60 คน |
|
1.15 การตรวจประเมินการจัดการ |
ดำเนินการเอง |
ตรวจประเมินสถานประกอบการเพื่อรับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประเภทการจัดการโลจิสติกส์ ประจำปี 2555 |
1 เรื่อง
|
|
1.16 การจัดทำเครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่องด้วยตนเองเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจขององค์กร (Self Continuous Improvement Tools) |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
1) สร้างชุดเครื่องมือพัฒนาและสนับสนุนการเรียนรู้ (Tool Kits) ด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในรูปแบบเอกสารบรรยาย และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (DVD) 2) จัดทำ e-Learning แบบ Visualize Interactive Learning Classroom ที่สามารถใช้งานได้บน Online Web Application เพื่อส่งเสริมทักษะการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง และอำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจจำนวนมากให้สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ |
1 เรื่อง 3 ระบบ |
|
1.17 ศูนย์บริการข้อมูลโลจิสติกส์ (Logistics Service Information Center: LSIC) |
โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง |
จัดทำข้อมูลตัวชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์เพื่อการเผยแพร่ เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์และพัฒนาตนเอง |
1 เรื่อง 1 ระบบ |
|
1.18 การพัฒนาระบบศูนย์บริการข้อมูล |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
จัดทำระบบศูนย์บริการข้อมูลโลจิสติกส์ โดยการสร้าง Software เพื่อบริหารงานด้านสารสนเทศโลจิสติกส์ในการจัดเก็บข้อมูล รวบรวม วิเคราะห์ ประมวลผล และการแสดงผลผ่าน Web service ซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ |
1 เรื่อง 1 ระบบ |
|
2. การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทาน |
|
|
|
|
2.1 การจัดทำแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เพื่อ Green Supply Chain ของอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการส่งออก (อุตสาหกรรมยางพารา) |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
1) พัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้มีความรู้และมีศักยภาพในการจัดเก็บข้อมูลตามบัญชีรายการด้านสิ่งแวดล้อม 2) จัดทำแนวทางการปฏิบัติที่ดีเลิศ (Best Practice) เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการบริหารจัดการโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain) |
9 ราย 3 โซ่อุปทาน |
|
2.2 การส่งเสริมการใช้และเชื่อมโยงระบบ Backhauling ของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อลดสัดส่วนการวิ่งรถเที่ยวเปล่า |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
สร้างระบบการเชื่อมโยงฐานข้อมูลแบบ Web service และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สถานประกอบการภาคอุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจการค้า และผู้ให้บริการขนส่ง มีต้นทุนด้านการขนส่งสินค้าลดลง โดยร่วมกันใช้ระบบสารสนเทศในการบริหารการขนส่งเพื่อลดสัดส่วนการวิ่งรถเที่ยวเปล่า |
1 ระบบ 2,000 ราย |
|
2.3 การส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเชื่อมโยงธุรกรรมระหว่างองค์กรในโซ่อุปทานเป้าหมาย (XML) |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ให้คำปรึกษาแนะนำกลุ่มสถานประกอบการในโซ่อุปทานที่มีความประสงค์จะประยุกต์ใช้ใช้งานซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานภาษา XML ผ่านระบบ Web – Based เพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลและการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน |
12 ราย 2 โซ่อุปทาน |
|
2.4 การส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยในโซ่อุปทานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจากผู้ก่อการร้าย ภัยพิบัติ หรือโจรกรรม |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการและดำเนินการตรวจประเมินสถานประกอบการของอุตสาหกรรมนำร่อง (ปิโตรเคมี พลาสติก ยา เฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอื่นๆ) ให้สามารถบริหารความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจ โดยการนำมาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยสำหรับโซ่อุปทานของสหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป มาตรฐานการบริหารความเสี่ยง กฎหมายและมาตรฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เข่น ISO18185, ISo17712, BS25999, มอก.22301, TAPA, C-TPAT, CIS เป็นต้น ไปใช้ในองค์กร เพื่อก่อให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น |
10 ราย |
|
2.5 การพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือด้านสุขอนามัยของสินค้าอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกในตลาดเอเซียและสหภาพยุโรป |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ให้คำปรึกษาสถานประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเพื่อพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือด้านสุขอนามัยของสินค้าด้วยระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับตรวจสอบย้อนกลับโซ่อุปทานของสถานประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ (Tracing and Tracking Software) อุตสาหกรรมอาหารสำหรับสถานประกอบการนำร่องให้เหมาะสมกับลักษณะของสินค้าและโซ่อุปทาน |
6 ราย 2 โซ่อุปทาน |
|
3. การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย |
|
|
|
|
3.1 การพัฒนาระบบออกใบอนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักรและใบอนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักรเพื่อรองรับการเชื่อมโยง National Single Window ระยะที่ 2 |
โดยผู้รับจ้าง จากการคัดเลือก |
ดำเนินการสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อรองรับเงื่อนไขระบบการขออนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักรและขออนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักรทุกชนิดแร่ และเชื่อมโยงกับด่านศุลกากรทั่วประเทศ |
1 ระบบ |
|
3.2 การส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนงานด้านโลจิสติกส์ DRP, WMS |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ให้คำปรึกษาสถานประกอบการภาค อุตสาหกรรมการผลิตและภาคธุรกิจและบริการที่เข้าร่วมโครงการ ให้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการวางแผนการกระจายสินค้า (Distribution Requirement Planning) และการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ใน 3 มิติ ด้านต้นทุน เวลา และความน่าเชื่อถือ |
25 ราย |
ที่มา สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพี้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
สงครามรัสเซีย-จอร์เจีย 2008 หรือ สงครามเซาท์ออสซีเชีย (สงครามห้าวัน)

สงครามรัสเซีย-จอร์เจีย หรือ สงครามเซาท์ออสซีเชีย (สงครามห้าวัน) เป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2551 ระหว่างจอร์เจีย กับ รัสเซียและรัฐบาลผู้แบ่งแยกของเซาท์ออสซีเชียและอับฮาเซีย
สงครามเซาท์ออสซีเชีย เมื่อ พ.ศ. 2534–2535 ระหว่างเชื้อชาติจอร์เจียกับออสเซเตีย ได้สิ้นสุดลงด้วยพื้นที่เกินกว่าครึ่งเล็กน้อยของเซาท์ออสซีเชียอยู่ภายใต้การควบคุมโดยพฤตินัยของรัฐบาลที่รัสเซียหนุนหลัง หากนานาชาติมิได้ให้การรับรองแต่อย่างใด เซาท์ออสซีเชียส่วนที่เชื้อชาติจอร์เจียอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่นั้น ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของจอร์เจีย (เขตอะฮัลโกรีและหมู่บ้านรอบซคินวาลี) โดยมีกำลังรักษาสันติภาพร่วมจอร์เจีย นอร์ทออสเซเตีย และรัสเซียประจำอยู่ในพื้นที่ ความตึงเครียดได้บานปลายขึ้น ระหว่างฤดูร้อนของ พ.ศ. 2551 และเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม รัสเซียตัดสินใจที่จะป้องกันเซาท์ออสซีเชียอย่างเป็นทางการ
ระหว่างคืนวันที่ 7 - 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551 จอร์เจียเปิดฉากการรุกทางทหารขนานใหญ่ต่อเซาท์ออสซีเชีย ในความพยายามที่จะยึดพื้นที่คืน จอร์เจียอ้างว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการสนองต่อเหตุโจมตีต่อ ผู้รักษาสันติภาพและหมู่บ้านของตนในเซาท์ออสซีเชีย และรัสเซียกำลังเคลื่อนหน่วยทหารที่มิใช่เพื่อการรักษาสันติภาพเข้ามาในพื้นที่ การโจมตีของจอร์เจียเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียในบรรดาผู้รักษาสันติภาพรัสเซีย ผู้ซึ่งต้านทานการโจมตีร่วมกับทหารอาสาสมัครออสเซเตีย จอร์เจียยึดซคินวาลีได้สำเร็จในไม่กี่ชั่วโมง รัสเซียสนองโดยการจัดวางกำลังกองทัพที่ 58 ของรัสเซีย และกำลังพลร่มรัสเซียในเซาท์ออสซีเชีย และเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกำลังจอร์เจียในเซาท์ออสซีเชียและเป้าหมายทางทหารและการส่งกำลังบำรุงในดินแดนจอร์เจีย รัสเซียอ้างว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการแทรกแซงทางมนุษยธรรมและการบังคับใช้สันติภาพที่จำเป็น
กำลังรัสเซียและออสเซเตียสู้รบกับกำลังจอร์เจียทั่วเซาท์ออสซีเชียเป็นเวลา 4 วัน โดยมีการสู้รบหนักที่สุดใน ซคินวาลี วันที่ 9 สิงหาคม ทัพเรือของรัสเซียปิดล้อมชายฝั่งจอร์เจียบางส่วน และยกนาวิกโยธินขึ้นบกบนชายฝั่งอับฮาเซีย ทัพเรือจอร์เจียพยายามจะขัดขวางแต่พ่ายแพ้ในการปะทะกันทางทะเล กำลังรัสเซียและอับฮาเซียเปิดแนวรบที่สองโดยการโจมตีหุบโคโดรีที่จอร์เจียครองอยู่ กำลังจอร์เจียต้านทานได้เพียงเล็กน้อย และต่อมากำลังรัสเซียได้ตีโฉบฉวยฐานทัพหลายแห่งในทางตะวันตกของจอร์เจีย หลังการสู้รบอย่างหนักในเซาท์ออสซีเชียเป็นเวลาห้าวัน กำลังจอร์เจียก็ร่นถอย ทำให้รัสเซียสามารถกรีธาเข้าสู่จอร์เจียส่วนที่ไม่พิพาทและยึดครองนครต่าง ๆ ของจอร์เจียได้จำนวนหนึ่ง
สหภาพยุโรป ที่มี ฝรั่งเศส เป็นประธานเข้าไกล่เกลี่ยสถานการณ์ และคู่กรณีบรรลุความตกลงหยุดยิงขั้นต้นในวันที่ 12 สิงหาคม โดยจอร์เจียลงนามเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมใน กรุงทบิลิซี และรัสเซียลงนามเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมในกรุงมอสโก หลายสัปดาห์ให้หลังการลงนามในความตกลงหยุดยิงดังกล่าว รัสเซียเริ่มถอนทหารส่วนมากออกจากจอร์เจียส่วนที่ไม่พิพาท รัสเซียได้สถาปนาเขตกันชนรอบอับฮาเซียและเซาท์ออสซีเชีย ตลอดจนตั้งจุดตรวจในดินแดนจอร์เจีย ท้ายที่สุด กำลังเหล่านี้ได้ถูกถอนออกจากจอร์เจียส่วนที่ไม่พิพาท อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตะวันตกบางคนยืนยันว่า ทหารเหล่านี้ไม่ได้กลับไปประจำยังแนวที่ประจำอยู่เดิมก่อนหน้าที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นตามที่ระบุไว้ในแผนสันติภาพ กำลังรัสเซียยังประจำอยู่ในอับฮาเซียและเซาท์ออสซีเชียความตกลงสองฝ่ายกับรัฐบาลทั้งสองดินแดน
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki
เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward