iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้
โครงการพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือด้านสุขอนามัยของสินค้าอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกในตลาดเอเซียและสหภาพยุโรป ปี 2558
สนับสนุนโดย สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.thaifoodtrace.com/
แผนการดำเนินงานของสำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ประจำปีงบประมาณ 2555
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้รับภารกิจเพิ่มเติมในด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี 2549 จึงมีคำสั่งแต่งตั้งสำนักโลจิสติกส์อุตสาหกรรมเป็นการภายใน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อมาได้รับการยกระดับเป็นสำนักโลจิสติกส์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2551 และได้เร่งดำเนินงานการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2555 จะดำเนินการตาม แผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม (พ.ศ. 2555-2559) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554 ซึ่งมีข้อมูลพื้นฐานสนับสนุนจากการจัดทำแผนที่เส้นทางหรือ Roadmap โลจิสติกส์อุตสาหกรรม โดยความร่วมมือจากผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมภายใต้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุน ผู้แทนจากหน่วยงานราชการและสถาบันอิสระภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนจากหน่วยงานราชการและสถาบันการศึกษา แผนแม่บทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพด้านโลจิสติกส์ในการประกอบธุรกิจ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในระดับโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายคือ
(1) ลดต้นทุนโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศลง (Manufacturing Logistics Cost per GDP) ลงร้อยละ 15 ภายในปี 2559
(2) เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม ทั้ง 3 มิติ ด้านต้นทุน เวลา และคุณภาพ ขึ้นร้อยละ 10 ภายในปี 2559 โดยแบ่งออกเป็น 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม (Professional Manufacturing Logistics Management)
2. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม (Supply Chain Collaboration and Networking)
3. ยุทธศาสตร์การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (National Supply Chain Competitiveness Enabling Factors)
การดำเนินงานตามแผนแม่บทดังกล่าวในปีงบประมาณ 2555 ได้จำแนกออกเป็น 3 รายการ ได้แก่
(1) การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม
(2) การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทาน
(3) การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วย โครงการจำนวนทั้งสิ้น 25 โครงการ ดังนี้
รายการ |
การดำเนินโครงการ |
ลักษณะการดำเนินงาน |
ค่าเป้าหมาย |
1. การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม |
|
|
|
1.1 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.2 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรม |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.3 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.4 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรม |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.5 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และกลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.6 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคตะวันออก |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.7 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคเหนือ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.8 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.9 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคใต้ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า |
25 ราย |
1.10 การส่งเสริมการประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ERP) ในการจัดการและบูรณาการข้อมูลเพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากล |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ให้คำปรึกษาเชิงลึกเพื่อการส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการ |
25 ราย |
1.11 การบริหารแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ดำเนินการเพื่อบริหารจัดการ กำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการ ตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม (พ.ศ.2555-2559) ของปี 2555 ด้วยระบบตรวจวัดผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะ มาตรการ แนวทางดำเนินการหรือแก้ไขปัญหา เพื่อให้การดำเนินงานโครงการตามแผนแม่บทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล |
1 เรื่อง 1 ระบบ |
1.12 การ Workshop สัญจรขยายผลความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมเพื่อความเข้มแข็งทางธุรกิจ |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
จัดทำ Workshop สัญจร 5 ภูมิภาค ไม่รวม กรุงเทพมหานครเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพด้านบุคลากรของภาคอุตสาหกรรม |
700 คน |
1.13 การสร้างนักจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนมืออาชีพระดับสากล |
โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง |
พัฒนาและยกระดับความรู้บุคลากรในภาคอุตสาหกรรมให้มีความเชี่ยวชาญด้าน |
350 ราย |
1.14 การสร้างที่ปรึกษาด้านการจัดการ |
โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง |
สร้างที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นบุคลากรที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยใช้หลักสูตรการฝึกอบรมที่ได้มาตรฐาน สากลให้กับผู้ที่มีพื้นฐานในการวินิจฉัยหรือให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบการอุตสาหกรรม เพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสำหรับการวินิจฉัยและให้คำปรึกษาเชิงลึกสำหรับสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
60 คน |
1.15 การตรวจประเมินการจัดการ |
ดำเนินการเอง |
ตรวจประเมินสถานประกอบการเพื่อรับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประเภทการจัดการโลจิสติกส์ ประจำปี 2555 |
1 เรื่อง
|
1.16 การจัดทำเครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่องด้วยตนเองเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจขององค์กร (Self Continuous Improvement Tools) |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
1) สร้างชุดเครื่องมือพัฒนาและสนับสนุนการเรียนรู้ (Tool Kits) ด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในรูปแบบเอกสารบรรยาย และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (DVD) 2) จัดทำ e-Learning แบบ Visualize Interactive Learning Classroom ที่สามารถใช้งานได้บน Online Web Application เพื่อส่งเสริมทักษะการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง และอำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจจำนวนมากให้สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ |
1 เรื่อง 3 ระบบ |
1.17 ศูนย์บริการข้อมูลโลจิสติกส์ (Logistics Service Information Center: LSIC) |
โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง |
จัดทำข้อมูลตัวชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์เพื่อการเผยแพร่ เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์และพัฒนาตนเอง |
1 เรื่อง 1 ระบบ |
1.18 การพัฒนาระบบศูนย์บริการข้อมูล |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
จัดทำระบบศูนย์บริการข้อมูลโลจิสติกส์ โดยการสร้าง Software เพื่อบริหารงานด้านสารสนเทศโลจิสติกส์ในการจัดเก็บข้อมูล รวบรวม วิเคราะห์ ประมวลผล และการแสดงผลผ่าน Web service ซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ |
1 เรื่อง 1 ระบบ |
2. การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทาน |
|
|
|
2.1 การจัดทำแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เพื่อ Green Supply Chain ของอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการส่งออก (อุตสาหกรรมยางพารา) |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
1) พัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้มีความรู้และมีศักยภาพในการจัดเก็บข้อมูลตามบัญชีรายการด้านสิ่งแวดล้อม 2) จัดทำแนวทางการปฏิบัติที่ดีเลิศ (Best Practice) เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการบริหารจัดการโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain) |
9 ราย 3 โซ่อุปทาน |
2.2 การส่งเสริมการใช้และเชื่อมโยงระบบ Backhauling ของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อลดสัดส่วนการวิ่งรถเที่ยวเปล่า |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
สร้างระบบการเชื่อมโยงฐานข้อมูลแบบ Web service และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สถานประกอบการภาคอุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจการค้า และผู้ให้บริการขนส่ง มีต้นทุนด้านการขนส่งสินค้าลดลง โดยร่วมกันใช้ระบบสารสนเทศในการบริหารการขนส่งเพื่อลดสัดส่วนการวิ่งรถเที่ยวเปล่า |
1 ระบบ 2,000 ราย |
2.3 การส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเชื่อมโยงธุรกรรมระหว่างองค์กรในโซ่อุปทานเป้าหมาย (XML) |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ให้คำปรึกษาแนะนำกลุ่มสถานประกอบการในโซ่อุปทานที่มีความประสงค์จะประยุกต์ใช้ใช้งานซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานภาษา XML ผ่านระบบ Web – Based เพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลและการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน |
12 ราย 2 โซ่อุปทาน |
2.4 การส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยในโซ่อุปทานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจากผู้ก่อการร้าย ภัยพิบัติ หรือโจรกรรม |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการและดำเนินการตรวจประเมินสถานประกอบการของอุตสาหกรรมนำร่อง (ปิโตรเคมี พลาสติก ยา เฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอื่นๆ) ให้สามารถบริหารความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจ โดยการนำมาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยสำหรับโซ่อุปทานของสหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป มาตรฐานการบริหารความเสี่ยง กฎหมายและมาตรฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เข่น ISO18185, ISo17712, BS25999, มอก.22301, TAPA, C-TPAT, CIS เป็นต้น ไปใช้ในองค์กร เพื่อก่อให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น |
10 ราย |
2.5 การพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือด้านสุขอนามัยของสินค้าอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกในตลาดเอเซียและสหภาพยุโรป |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ให้คำปรึกษาสถานประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเพื่อพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือด้านสุขอนามัยของสินค้าด้วยระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับตรวจสอบย้อนกลับโซ่อุปทานของสถานประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ (Tracing and Tracking Software) อุตสาหกรรมอาหารสำหรับสถานประกอบการนำร่องให้เหมาะสมกับลักษณะของสินค้าและโซ่อุปทาน |
6 ราย 2 โซ่อุปทาน |
3. การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย |
|
|
|
3.1 การพัฒนาระบบออกใบอนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักรและใบอนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักรเพื่อรองรับการเชื่อมโยง National Single Window ระยะที่ 2 |
โดยผู้รับจ้าง จากการคัดเลือก |
ดำเนินการสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อรองรับเงื่อนไขระบบการขออนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักรและขออนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักรทุกชนิดแร่ และเชื่อมโยงกับด่านศุลกากรทั่วประเทศ |
1 ระบบ |
3.2 การส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนงานด้านโลจิสติกส์ DRP, WMS |
โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก |
ให้คำปรึกษาสถานประกอบการภาค อุตสาหกรรมการผลิตและภาคธุรกิจและบริการที่เข้าร่วมโครงการ ให้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการวางแผนการกระจายสินค้า (Distribution Requirement Planning) และการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ใน 3 มิติ ด้านต้นทุน เวลา และความน่าเชื่อถือ |
25 ราย |
ที่มา สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพี้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
สงครามรัสเซีย-จอร์เจีย 2008 หรือ สงครามเซาท์ออสซีเชีย (สงครามห้าวัน)
สงครามรัสเซีย-จอร์เจีย หรือ สงครามเซาท์ออสซีเชีย (สงครามห้าวัน) เป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2551 ระหว่างจอร์เจีย กับ รัสเซียและรัฐบาลผู้แบ่งแยกของเซาท์ออสซีเชียและอับฮาเซีย
สงครามเซาท์ออสซีเชีย เมื่อ พ.ศ. 2534–2535 ระหว่างเชื้อชาติจอร์เจียกับออสเซเตีย ได้สิ้นสุดลงด้วยพื้นที่เกินกว่าครึ่งเล็กน้อยของเซาท์ออสซีเชียอยู่ภายใต้การควบคุมโดยพฤตินัยของรัฐบาลที่รัสเซียหนุนหลัง หากนานาชาติมิได้ให้การรับรองแต่อย่างใด เซาท์ออสซีเชียส่วนที่เชื้อชาติจอร์เจียอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่นั้น ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของจอร์เจีย (เขตอะฮัลโกรีและหมู่บ้านรอบซคินวาลี) โดยมีกำลังรักษาสันติภาพร่วมจอร์เจีย นอร์ทออสเซเตีย และรัสเซียประจำอยู่ในพื้นที่ ความตึงเครียดได้บานปลายขึ้น ระหว่างฤดูร้อนของ พ.ศ. 2551 และเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม รัสเซียตัดสินใจที่จะป้องกันเซาท์ออสซีเชียอย่างเป็นทางการ
ระหว่างคืนวันที่ 7 - 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551 จอร์เจียเปิดฉากการรุกทางทหารขนานใหญ่ต่อเซาท์ออสซีเชีย ในความพยายามที่จะยึดพื้นที่คืน จอร์เจียอ้างว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการสนองต่อเหตุโจมตีต่อ ผู้รักษาสันติภาพและหมู่บ้านของตนในเซาท์ออสซีเชีย และรัสเซียกำลังเคลื่อนหน่วยทหารที่มิใช่เพื่อการรักษาสันติภาพเข้ามาในพื้นที่ การโจมตีของจอร์เจียเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียในบรรดาผู้รักษาสันติภาพรัสเซีย ผู้ซึ่งต้านทานการโจมตีร่วมกับทหารอาสาสมัครออสเซเตีย จอร์เจียยึดซคินวาลีได้สำเร็จในไม่กี่ชั่วโมง รัสเซียสนองโดยการจัดวางกำลังกองทัพที่ 58 ของรัสเซีย และกำลังพลร่มรัสเซียในเซาท์ออสซีเชีย และเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกำลังจอร์เจียในเซาท์ออสซีเชียและเป้าหมายทางทหารและการส่งกำลังบำรุงในดินแดนจอร์เจีย รัสเซียอ้างว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการแทรกแซงทางมนุษยธรรมและการบังคับใช้สันติภาพที่จำเป็น
กำลังรัสเซียและออสเซเตียสู้รบกับกำลังจอร์เจียทั่วเซาท์ออสซีเชียเป็นเวลา 4 วัน โดยมีการสู้รบหนักที่สุดใน ซคินวาลี วันที่ 9 สิงหาคม ทัพเรือของรัสเซียปิดล้อมชายฝั่งจอร์เจียบางส่วน และยกนาวิกโยธินขึ้นบกบนชายฝั่งอับฮาเซีย ทัพเรือจอร์เจียพยายามจะขัดขวางแต่พ่ายแพ้ในการปะทะกันทางทะเล กำลังรัสเซียและอับฮาเซียเปิดแนวรบที่สองโดยการโจมตีหุบโคโดรีที่จอร์เจียครองอยู่ กำลังจอร์เจียต้านทานได้เพียงเล็กน้อย และต่อมากำลังรัสเซียได้ตีโฉบฉวยฐานทัพหลายแห่งในทางตะวันตกของจอร์เจีย หลังการสู้รบอย่างหนักในเซาท์ออสซีเชียเป็นเวลาห้าวัน กำลังจอร์เจียก็ร่นถอย ทำให้รัสเซียสามารถกรีธาเข้าสู่จอร์เจียส่วนที่ไม่พิพาทและยึดครองนครต่าง ๆ ของจอร์เจียได้จำนวนหนึ่ง
สหภาพยุโรป ที่มี ฝรั่งเศส เป็นประธานเข้าไกล่เกลี่ยสถานการณ์ และคู่กรณีบรรลุความตกลงหยุดยิงขั้นต้นในวันที่ 12 สิงหาคม โดยจอร์เจียลงนามเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมใน กรุงทบิลิซี และรัสเซียลงนามเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมในกรุงมอสโก หลายสัปดาห์ให้หลังการลงนามในความตกลงหยุดยิงดังกล่าว รัสเซียเริ่มถอนทหารส่วนมากออกจากจอร์เจียส่วนที่ไม่พิพาท รัสเซียได้สถาปนาเขตกันชนรอบอับฮาเซียและเซาท์ออสซีเชีย ตลอดจนตั้งจุดตรวจในดินแดนจอร์เจีย ท้ายที่สุด กำลังเหล่านี้ได้ถูกถอนออกจากจอร์เจียส่วนที่ไม่พิพาท อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตะวันตกบางคนยืนยันว่า ทหารเหล่านี้ไม่ได้กลับไปประจำยังแนวที่ประจำอยู่เดิมก่อนหน้าที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นตามที่ระบุไว้ในแผนสันติภาพ กำลังรัสเซียยังประจำอยู่ในอับฮาเซียและเซาท์ออสซีเชียความตกลงสองฝ่ายกับรัฐบาลทั้งสองดินแดน
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki
เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward