แผนการดำเนินงานของสำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ประจำปีงบประมาณ 2555
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้รับภารกิจเพิ่มเติมในด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี 2549 จึงมีคำสั่งแต่งตั้งสำนักโลจิสติกส์อุตสาหกรรมเป็นการภายใน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อมาได้รับการยกระดับเป็นสำนักโลจิสติกส์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2551 และได้เร่งดำเนินงานการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2555 จะดำเนินการตาม แผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม (พ.ศ. 2555-2559) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554 ซึ่งมีข้อมูลพื้นฐานสนับสนุนจากการจัดทำแผนที่เส้นทางหรือ Roadmap โลจิสติกส์อุตสาหกรรม โดยความร่วมมือจากผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมภายใต้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุน ผู้แทนจากหน่วยงานราชการและสถาบันอิสระภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนจากหน่วยงานราชการและสถาบันการศึกษา แผนแม่บทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพด้านโลจิสติกส์ในการประกอบธุรกิจ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในระดับโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายคือ
(1) ลดต้นทุนโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศลง (Manufacturing Logistics Cost per GDP) ลงร้อยละ 15 ภายในปี 2559
(2) เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม ทั้ง 3 มิติ ด้านต้นทุน เวลา และคุณภาพ ขึ้นร้อยละ 10 ภายในปี 2559 โดยแบ่งออกเป็น 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม (Professional Manufacturing Logistics Management)
2. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม (Supply Chain Collaboration and Networking)
3. ยุทธศาสตร์การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (National Supply Chain Competitiveness Enabling Factors)
การดำเนินงานตามแผนแม่บทดังกล่าวในปีงบประมาณ 2555 ได้จำแนกออกเป็น 3 รายการ ได้แก่
(1) การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม
(2) การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทาน
(3) การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วย โครงการจำนวนทั้งสิ้น 25 โครงการ ดังนี้
| 
 รายการ  | 
 การดำเนินโครงการ  | 
 ลักษณะการดำเนินงาน  | 
 ค่าเป้าหมาย  | 
| 
 1. การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม  | 
 
  | 
 
  | 
 
  | 
| 
 1.1 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
    1.2 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรม  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
 1.3 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
    1.4 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรม  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
 1.5 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และกลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
 1.6 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคตะวันออก  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
 1.7 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคเหนือ  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
 1.8 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
 1.9 การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคใต้  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้า  | 
 25 ราย  | 
| 
 1.10 การส่งเสริมการประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ERP) ในการจัดการและบูรณาการข้อมูลเพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากล  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 ให้คำปรึกษาเชิงลึกเพื่อการส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการ  | 
 25 ราย  | 
| 
 1.11 การบริหารแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 ดำเนินการเพื่อบริหารจัดการ กำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการ ตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม (พ.ศ.2555-2559) ของปี 2555 ด้วยระบบตรวจวัดผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะ มาตรการ แนวทางดำเนินการหรือแก้ไขปัญหา เพื่อให้การดำเนินงานโครงการตามแผนแม่บทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล  | 
 1 เรื่อง 1 ระบบ  | 
| 
 1.12 การ Workshop สัญจรขยายผลความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมเพื่อความเข้มแข็งทางธุรกิจ  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 จัดทำ Workshop สัญจร 5 ภูมิภาค ไม่รวม กรุงเทพมหานครเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพด้านบุคลากรของภาคอุตสาหกรรม  | 
 700 คน  | 
| 
 1.13 การสร้างนักจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนมืออาชีพระดับสากล  | 
 โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง  | 
 พัฒนาและยกระดับความรู้บุคลากรในภาคอุตสาหกรรมให้มีความเชี่ยวชาญด้าน  | 
 350 ราย  | 
| 
    1.14   การสร้างที่ปรึกษาด้านการจัดการ  | 
 โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง  | 
 สร้างที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นบุคลากรที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยใช้หลักสูตรการฝึกอบรมที่ได้มาตรฐาน สากลให้กับผู้ที่มีพื้นฐานในการวินิจฉัยหรือให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบการอุตสาหกรรม เพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสำหรับการวินิจฉัยและให้คำปรึกษาเชิงลึกสำหรับสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ  | 
 60 คน  | 
| 
    1.15    การตรวจประเมินการจัดการ  | 
 ดำเนินการเอง  | 
 ตรวจประเมินสถานประกอบการเพื่อรับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประเภทการจัดการโลจิสติกส์ ประจำปี 2555  | 
 1 เรื่อง 
  | 
| 
 1.16 การจัดทำเครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่องด้วยตนเองเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจขององค์กร (Self Continuous Improvement Tools)  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 1) สร้างชุดเครื่องมือพัฒนาและสนับสนุนการเรียนรู้ (Tool Kits) ด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในรูปแบบเอกสารบรรยาย และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (DVD) 2) จัดทำ e-Learning แบบ Visualize Interactive Learning Classroom ที่สามารถใช้งานได้บน Online Web Application เพื่อส่งเสริมทักษะการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง และอำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจจำนวนมากให้สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้  | 
 1 เรื่อง 3 ระบบ  | 
| 
 1.17 ศูนย์บริการข้อมูลโลจิสติกส์ (Logistics Service Information Center: LSIC)  | 
 โดยที่ปรึกษาจากโครงการต่อเนื่อง  | 
 จัดทำข้อมูลตัวชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์เพื่อการเผยแพร่ เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์และพัฒนาตนเอง  | 
 1 เรื่อง 1 ระบบ  | 
| 
    1.18 การพัฒนาระบบศูนย์บริการข้อมูล  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 จัดทำระบบศูนย์บริการข้อมูลโลจิสติกส์ โดยการสร้าง Software เพื่อบริหารงานด้านสารสนเทศโลจิสติกส์ในการจัดเก็บข้อมูล รวบรวม วิเคราะห์ ประมวลผล และการแสดงผลผ่าน Web service ซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ  | 
 1 เรื่อง 1 ระบบ  | 
| 
 2. การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทาน  | 
 
  | 
 
  | 
 
  | 
| 
 2.1 การจัดทำแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เพื่อ Green Supply Chain ของอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการส่งออก (อุตสาหกรรมยางพารา)  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 1) พัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้มีความรู้และมีศักยภาพในการจัดเก็บข้อมูลตามบัญชีรายการด้านสิ่งแวดล้อม  2) จัดทำแนวทางการปฏิบัติที่ดีเลิศ (Best Practice) เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการบริหารจัดการโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain)  | 
 9 ราย 3 โซ่อุปทาน  | 
| 
 2.2 การส่งเสริมการใช้และเชื่อมโยงระบบ Backhauling ของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อลดสัดส่วนการวิ่งรถเที่ยวเปล่า  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 สร้างระบบการเชื่อมโยงฐานข้อมูลแบบ Web service และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สถานประกอบการภาคอุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจการค้า และผู้ให้บริการขนส่ง มีต้นทุนด้านการขนส่งสินค้าลดลง โดยร่วมกันใช้ระบบสารสนเทศในการบริหารการขนส่งเพื่อลดสัดส่วนการวิ่งรถเที่ยวเปล่า  | 
 1 ระบบ 2,000 ราย  | 
| 
 2.3 การส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเชื่อมโยงธุรกรรมระหว่างองค์กรในโซ่อุปทานเป้าหมาย (XML)  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 ให้คำปรึกษาแนะนำกลุ่มสถานประกอบการในโซ่อุปทานที่มีความประสงค์จะประยุกต์ใช้ใช้งานซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานภาษา XML ผ่านระบบ Web – Based เพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลและการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน  | 
 12 ราย 2 โซ่อุปทาน  | 
| 
 2.4 การส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยในโซ่อุปทานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจากผู้ก่อการร้าย ภัยพิบัติ หรือโจรกรรม  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการและดำเนินการตรวจประเมินสถานประกอบการของอุตสาหกรรมนำร่อง (ปิโตรเคมี พลาสติก ยา เฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอื่นๆ) ให้สามารถบริหารความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจ โดยการนำมาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยสำหรับโซ่อุปทานของสหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป มาตรฐานการบริหารความเสี่ยง กฎหมายและมาตรฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เข่น ISO18185, ISo17712, BS25999, มอก.22301, TAPA, C-TPAT, CIS เป็นต้น ไปใช้ในองค์กร เพื่อก่อให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น  | 
 10 ราย  | 
| 
 2.5 การพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือด้านสุขอนามัยของสินค้าอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกในตลาดเอเซียและสหภาพยุโรป  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 ให้คำปรึกษาสถานประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเพื่อพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือด้านสุขอนามัยของสินค้าด้วยระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับตรวจสอบย้อนกลับโซ่อุปทานของสถานประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ (Tracing and Tracking Software) อุตสาหกรรมอาหารสำหรับสถานประกอบการนำร่องให้เหมาะสมกับลักษณะของสินค้าและโซ่อุปทาน  | 
 6 ราย 2 โซ่อุปทาน  | 
| 
 3. การสนับสนุนให้เกิดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย  | 
 
  | 
 
  | 
 
  | 
| 
 3.1 การพัฒนาระบบออกใบอนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักรและใบอนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักรเพื่อรองรับการเชื่อมโยง National Single Window ระยะที่ 2  | 
 โดยผู้รับจ้าง จากการคัดเลือก  | 
 ดำเนินการสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อรองรับเงื่อนไขระบบการขออนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักรและขออนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักรทุกชนิดแร่ และเชื่อมโยงกับด่านศุลกากรทั่วประเทศ  | 
 1 ระบบ  | 
| 
 3.2 การส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนงานด้านโลจิสติกส์ DRP, WMS  | 
 โดยที่ปรึกษาจากการคัดเลือก  | 
 ให้คำปรึกษาสถานประกอบการภาค อุตสาหกรรมการผลิตและภาคธุรกิจและบริการที่เข้าร่วมโครงการ ให้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการวางแผนการกระจายสินค้า (Distribution Requirement Planning) และการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ใน 3 มิติ ด้านต้นทุน เวลา และความน่าเชื่อถือ  | 
 25 ราย  | 
ที่มา สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพี้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
-----------------------------------------------
