2023 เกาะโบฮอล อุทยานธรณีโลก (Bohol Island UNESCO Global Geopark)
อุทยานธรณีโลก เกาะโบโฮล (Bohol Island UNESCO Global Geopark) อุทยานธรณีโลกแห่งแรกของฟิลิปปินส์ มรดกธรณีวิทยาสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
อุทยานธรณีโลก เกาะโบโฮล ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ณ กรุงปารีส (Paris) ประเทศฝรั่งเศส (France) ถือเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines' first UNESCO Global Geopark) ซึ่งได้รับการยอมรับถึงคุณค่าของมรดกทางธรณีวิทยา (geological heritage) ที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 8,808 ตารางกิโลเมตร ซึ่งรวมทั้งพื้นที่บนบกและพื้นที่ทางทะเลที่ได้รับการคุ้มครองโดยรอบ การยอมรับนี้ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความหลากหลายทางธรณีวิทยาของเกาะโบโฮลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบูรณาการมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมเข้ากับการพัฒนาอย่างยั่งยืน (sustainable development) และการส่งเสริมการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science education) สำหรับประชากรกว่า 1.4 ล้านคน โบโฮล ไอส์แลนด์จึงเป็นห้องปฏิบัติการที่มีชีวิตสำหรับการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา (geo-tourism) ที่หลอมรวมความรู้ทางธรณีวิทยาเข้ากับความเพลิดเพลินในการเดินทาง พร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรณี (geoconservation) และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม
บริบททางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา (Geographical & Geological Context)
เกาะโบโฮล มีประวัติทางธรณีวิทยาที่ยาวนานกว่า 150 ล้านปี โดยมีลักษณะทางธรณีวิทยา (geological identity) ที่ถูกหล่อหลอมผ่านช่วงเวลาของการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (tectonic activity) ที่ดันเกาะขึ้นมาจากก้นมหาสมุทร (ocean depths)
ธรณีสัณฐาน (Topography): ภูมิประเทศของโบโฮลโดดเด่นด้วยลักษณะทางธรณีสัณฐานแบบคาร์สต์ (karstic landforms) ที่หลากหลายและน่าทึ่ง รวมถึงถ้ำ (caves) จำนวนมาก, หลุมยุบ (sinkholes) และเนินเขาหินปูนรูปกรวย (cone karst) ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเกาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนินเขาช็อกโกแลต (Chocolate Hills) ที่เป็นสัญลักษณ์ของโบโฮล
ธรณีวิทยา (Geology): โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเกาะประกอบด้วยหินหลายประเภทที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงของโลก หินปูนส่วนใหญ่ที่พบในพื้นที่คาร์สต์เป็นผลมาจากการทับถมของแนวปะการังโบราณ นอกจากนี้ยังพบหลักฐานของธรณีประวัติ (geological history) ที่เป็นพลวัต (dynamic) และการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (tectonic history) ซึ่งเห็นได้จากหินที่หลากหลายและลักษณะทางธรณีสัณฐาน รวมถึงแนวปะการังที่ยกตัวขึ้นจากทะเล (uplifted marine terraces)
กระบวนการก่อตัว (Formation Process): การก่อตัวของภูมิประเทศคาร์สต์เกิดจากกระบวนการกร่อน (erosion) ของหินปูนด้วยน้ำฝนและน้ำใต้ดิน (groundwater) ซึ่งเป็นเวลานับพันปีได้สร้างถ้ำ หลุมยุบ และเนินเขาช็อกโกแลตขึ้นมา สำหรับแนวปะการัง เช่น Danajon Double Barrier Reef เกิดจากกระบวนการสะสมของปะการัง (coral accretion) มาเป็นเวลาหลายพันปีเช่นกัน
แหล่งธรณีวิทยาสำคัญ (Key Geosites)
Chocolate Hills: เป็นแหล่งธรณีวิทยาคาร์สต์ (karstic geosite) ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโบโฮล ประกอบด้วยเนินเขาหินปูนรูปกรวย (conical limestone hills) กว่า 1,268 ลูก ที่มีรูปร่างใกล้เคียงกัน กระจายอยู่ทั่วพื้นที่กว่า 50 ตารางกิโลเมตร เนินเหล่านี้เกิดจากการกร่อน (erosion) ของแนวปะการังโบราณ (ancient coral reefs) ที่ยกตัวขึ้นจากทะเลเป็นเวลาหลายพันปี เมื่อถึงฤดูแล้ง หญ้าที่ปกคลุมเนินเขาจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ทำให้ดูเหมือนช็อกโกแลตที่วางเรียงรายกัน
Danajon Double Barrier Reef: ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือของโบโฮล แนวปะการังแห่งนี้เป็นแนวปะการังสองชั้น (double barrier reef) แห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) และเป็นหนึ่งในหกแห่งที่พบทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประวัติการเติบโตของปะการัง (coral growth) ที่ยาวนานกว่า 6,000 ปี แนวปะการังนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) สูง และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลนานาชนิด
Lamanok Island Archaeological Site: เป็นแหล่งมรดกทางโบราณคดี (archaeological heritage site) ที่สำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อมทางธรณีวิทยาในอดีต สถานที่นี้ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่มีถ้ำและหน้าผาหินปูน (limestone cliffs) ซึ่งเป็นหลักฐานการตั้งถิ่นฐานและพิธีกรรมโบราณ (ancient settlements and rituals) ที่เชื่อมโยงกับลักษณะทางธรณีวิทยาของพื้นที่
ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม (Biodiversity & Culture)
อุทยานธรณีโบโฮล ไอส์แลนด์แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างหิน ดิน น้ำ ป่า และมนุษย์ (Rock-Soil-Water-Forest-Human relationship)
ธรณีวิทยากับระบบนิเวศ: ภูมิประเทศคาร์สต์มีอิทธิพลอย่างมากต่อระบบนิเวศ (ecosystem) ของเกาะ โดยลักษณะทางธรณีวิทยาได้กำหนดการกระจายตัวของพืชและสัตว์ (flora and fauna) ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเฉพาะ เช่น พืชที่เติบโตบนหินปูน (limestone vegetation) และสัตว์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ (cave-dwelling animals)
แหล่งน้ำและดิน: โครงสร้างทางธรณีวิทยาของโบโฮลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมแหล่งน้ำบาดาล (groundwater sources) ที่ไหลผ่านระบบถ้ำและหลุมยุบ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักสำหรับการเกษตร (agriculture) และการบริโภคของชุมชน ดินที่เกิดจากการสลายตัวของหินปูน (limestone-derived soil) มีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อชนิดของพืชผลที่เพาะปลูกในพื้นที่
วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์: ประชากรกว่า 1.4 ล้านคนบนเกาะโบโฮลมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมากว่า 400 ปี โดยดำรงชีวิตอย่างกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือชนเผ่า Eskaya (Eskaya Tribe) ซึ่งยังคงรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (intangible heritage) ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น รวมถึงภาษาเขียนและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ การอนุรักษ์แหล่งโบราณคดี เช่น Lamanok Island Archaeological Site ก็เป็นสิ่งสำคัญในการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์ของมนุษย์กับมรดกทางธรณีวิทยา
อุทยานธรณีโลก เกาะโบโฮล เป็นเครื่องพิสูจน์ถึง ความอัศจรรย์ทางธรณีวิทยา (geological wonders) และความกลมกลืนของ ธรรมชาติและวัฒนธรรม (nature and culture harmony) การกำหนดให้เป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geopark) ไม่เพียงแต่เป็นการให้เกียรติแก่มรดกทางธรณีวิทยาอันเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญในการส่งเสริมการอนุรักษ์ (conservation), การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science education) และการพัฒนาที่ยั่งยืน (sustainable development) ด้วยการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาที่รับผิดชอบ นักเดินทางจึงสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องและเฉลิมฉลองแหล่งมรดกโลกอันล้ำค่านี้ให้คงอยู่สืบไป
เอกสารอ้างอิง (References)
.
------------------------
ที่มา
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
------------------------
------------------------
