2009 เขตภูเขาไฟอุนเซน อุทยานธรณีโลก
(UNZEN VOLCANIC AREA UNESCO GLOBAL GEOPARK)

แผนที่ภูเขาไฟอุนเซน ที่มา https://www.google.com/maps
แผนที่: https://maps.app.goo.gl/C922VGY9ho3uRoUs8
อุทยานธรณีโลกยูเนสโก เขตภูเขาไฟอุนเซ็น (Unzen Volcanic Area UNESCO Global Geopark) การอยู่ร่วมกันของมนุษย์และภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น
อุทยานธรณีโลกยูเนสโก เขตภูเขาไฟอุนเซ็น ซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรชิมาบาระ (Shimabara Peninsula) จังหวัดนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นพื้นที่ที่ได้รับการยกย่องในระดับสากลถึงความโดดเด่นทางธรณีวิทยา โดยมีแก่นสารสำคัญคือ "การอยู่ร่วมกันของภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นกับมนุษย์" (Coexistence of an active volcano and human beings) บทความนี้มุ่งนำเสนอการเดินทางเชิงธรณีวิทยาที่ผสมผสานความรู้ทางธรณีวิทยาเชิงลึกเข้ากับความรื่นรมย์ของการท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสและเรียนรู้ถึงพลวัตอันน่าทึ่งของโลก การทำความเข้าใจมรดกทางธรณีวิทยาของอุนเซ็น ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสในการสำรวจทัศนียภาพอันงดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรณีวิทยา (Geoconservation) และการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science Education) ซึ่งจำเป็นต่อการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
บริบททางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา
คาบสมุทรชิมาบาระ มีลักษณะทางภูมิศาสตร์คล้ายกระเพาะอาหาร ยื่นออกมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดนางาซากิ ทางตอนใต้ของคาบสมุทร ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟก่อนยุคอุนเซ็น (Pre Unzen Volcano) มีลักษณะเป็นที่ราบต่ำและเนินเขาลาดชัน ในขณะที่บริเวณตอนกลางของคาบสมุทรเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟอุนเซ็น (Unzen Volcano) ซึ่งเป็นภูเขาไฟแบบประกอบ (composite volcano) ที่ประกอบด้วยยอดเขาหลายแห่งที่มีความสูงเกิน 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล อาทิ ภูเขาฟูเก็น (Mt. Fugen) ที่มีความสูง 1,359.3 เมตร, ภูเขาเฮเซชินซัง (Heisei Shinzan) ที่มีความสูง 1,482.7 เมตร, ภูเขาเมียวเค็น (Mt. Myoken) ที่มีความสูง 1,333 เมตร และภูเขาคูนิมิ (Mt. Kunimi) ที่มีความสูง 1,347 เมตร ส่วนทางเหนือและตะวันออกของคาบสมุทรเป็นที่ราบเชิงเขาภูเขาไฟ (volcanic fan) ที่กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเกษตร
ในเชิงธรณีวิทยา คาบสมุทรชิมาบาระเป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลก (tectonic movement) อย่างต่อเนื่อง การปะทุของหินภูเขาไฟที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่คือ หินบะซอลต์ (basaltic lava flows) ซึ่งมีอายุประมาณ 4.3 ล้านปี บริเวณทางตอนใต้ของอุทยานฯ ขณะที่ทางตะวันตกเฉียงใต้พบหินแอนดีไซต์ (andesitic lava flows) และการไหลของเศษหิน (debris flows) ที่มีอายุประมาณ 2.5-1.5 ล้านปี กิจกรรมของภูเขาไฟอุนเซ็นในปัจจุบันเริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 0.5 ล้านปีก่อน และยังคงดำเนินอยู่ โดยมีองค์ประกอบของหินภูเขาไฟประเภทเดไซต์ (dacitic lava) ซึ่งก่อให้เกิดโดมลาวา (lava domes) ลาวาไหล (lava flows) และเถ้าภูเขาไฟ (pyroclastic deposits) จำนวนมาก
ภูมิภาคนี้เคยเผชิญกับภัยพิบัติภูเขาไฟครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ได้แก่ การยุบตัวของโดมภูเขามายูยามะ (Mayuyama dome) ในช่วงการปะทุปี 1791-92 ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "หายนะชิมาบาระ" (Shimabara Catastrophe) และการไหลของตะกอนภูเขาไฟร้อน (pyroclastic flows) และโคลนถล่ม (debris flows) ซ้ำๆ ในช่วงการปะทุ "เฮเซ" (Heisei eruption) ปี 1990-95 ซึ่งเป็นการปะทุครั้งแรกที่ได้รับการบันทึกทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด นอกจากนี้ คาบสมุทรชิมาบาระยังเป็นพื้นที่ที่มีรอยเลื่อน (faults) ตัดผ่านหลายจุด เช่น รอยเลื่อนชิจิวะ (Chijiwa Fault) ทางตอนเหนือ และรอยเลื่อนคานาฮามะ (Kanahama Fault) ทางตอนใต้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหวบ่อยครั้ง โดยมีส่วนกลางของคาบสมุทรที่กำลังทรุดตัวลงเป็นที่ราบรอยเลื่อนทรุดตัว (graben) ซึ่งเกิดจากการแยกตัวของแผ่นเปลือกโลก อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภูเขาไฟลูกใหม่ขึ้น [1]
แหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญ (Key Geosites)
อุทยานธรณีโลกยูเนสโกเขตภูเขาไฟอุนเซ็นมีแหล่งธรณีวิทยาที่โดดเด่นหลายแห่งที่บอกเล่าเรื่องราวของโลกได้อย่างน่าสนใจ ในที่นี้จะนำเสนอ 5 แหล่งสำคัญ:
1. ภูเขาเฮเซชินซัง (Mt. Heisei Shinzan)
ภูเขาเฮเซชินซังเป็นภูเขาไฟที่ก่อตัวขึ้นใหม่ล่าสุดในประเทศญี่ปุ่นจากการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาฟูเก็น (Mt. Fugendake) ในช่วงปี 1990-1995 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการบันทึกทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด การปะทุครั้งนี้ทำให้เกิดโดมลาวาเดไซต์ (dacitic lava dome) และการไหลของตะกอนภูเขาไฟร้อน (pyroclastic flows) และการไหลของเศษหิน (debris flows) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพื้นที่โดยรอบ ปัจจุบันภูเขาเฮเซชินซังกลายเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดนางาซากิ และเป็นสัญลักษณ์ของการก่อตัวทางธรณีวิทยาที่ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งสามารถศึกษาการฟื้นตัวของธรรมชาติหลังภัยพิบัติได้อย่างใกล้ชิด [1, 2]
2. กำแพงรูปอัฒจันทร์ของภูเขามายูยามะ (Amphitheater Wall of Mt. Mayuyama Created by the 1792 Sector Collapse)
กำแพงรูปอัฒจันทร์นี้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ของ "หายนะชิมาบาระ" ในปี 1792 ซึ่งเป็นการยุบตัวครั้งใหญ่ของโดมภูเขามายูยามะ (Mayuyama dome) การยุบตัวของภูเขาครั้งนี้ทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม (landslide) ขนาดใหญ่ที่ทำลายเมืองชิมาบาระ และยังก่อให้เกิดสึนามิ (tsunami) พัดถล่มข้ามทะเลอาริอาเกะ (Ariake Sea) ไปยังเมืองฮิโกะ (Higo) (ปัจจุบันคือจังหวัดคูมาโมโตะ) ก่อนจะพัดกลับเข้าสู่ชิมาบาระ คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 15,000 คน กำแพงอัฒจันทร์นี้แสดงให้เห็นถึงร่องรอยการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์อย่างฉับพลันและรุนแรงจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรณีวิทยาในอดีต [1, 2]
3. นรกอุนเซ็น (Unzen Jigoku - Unzen Hell)
นรกอุนเซ็นเป็นพื้นที่ที่มีการปลดปล่อยไอกำมะถัน (sulfuric steam) และน้ำร้อน (hot springs) ออกมาจากพื้นดินอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดทัศนียภาพที่ดูราวกับนรกตามชื่อเรียก ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจากกิจกรรมความร้อนใต้พิภพ (geothermal activity) ที่รุนแรงของภูเขาไฟอุนเซ็น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังงานความร้อนจากใต้พื้นผิวโลกอย่างชัดเจน ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสไอน้ำร้อนและกลิ่นกำมะถันอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเรียนรู้กระบวนการทางธรณีวิทยาที่สร้างสรรค์น้ำพุร้อนอันเป็นพรจากภูเขาไฟ [2]
4. รอยเลื่อนชิจิวะ (Chijiwa Fault)
รอยเลื่อนชิจิวะเป็นรอยเลื่อนปกติ (normal fault) ที่โดดเด่นและหาได้ยากในญี่ปุ่น ซึ่งเกิดจากการทรุดตัวของแผ่นดิน รอยเลื่อนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างร่องทรุดตัวอุนเซ็น (Unzen Graben) ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกในแนวเหนือ-ใต้ ซึ่งทำให้เกิดการไหลของแมกมา (magma flow) ขึ้นสู่ผิวดิน ก่อให้เกิดภูเขาไฟและการเกิดแผ่นดินไหวในคาบสมุทรชิมาบาระ การสังเกตรอยเลื่อนนี้ช่วยให้เข้าใจถึงพลวัตของแผ่นเปลือกโลกและการก่อตัวของภูมิประเทศในภูมิภาคนี้ [2]
5. หินบะซอลต์ฮายาซากิ (Outcrop of Hayasaki Basalt)
หินบะซอลต์ฮายาซากิเป็นแหล่งธรณีวิทยาที่แสดงให้เห็นถึงการปะทุของหินภูเขาไฟที่เก่าแก่ที่สุดในคาบสมุทรชิมาบาระ โดยมีอายุประมาณ 4.3 ล้านปี [1] การก่อตัวของหินบะซอลต์เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ภูเขาไฟในพื้นที่ ก่อนที่จะมีการก่อตัวของภูเขาไฟอุนเซ็นในปัจจุบัน การศึกษาหินบะซอลต์นี้ช่วยให้นักธรณีวิทยาเข้าใจวิวัฒนาการทางธรณีวิทยาของคาบสมุทรชิมาบาระได้อย่างลึกซึ้ง และเป็นหลักฐานสำคัญของกิจกรรมภูเขาไฟในยุคแรกเริ่ม [2]
ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม
ความสัมพันธ์ระหว่างหิน ดิน น้ำ ป่าไม้ และมนุษย์ (rock-soil-water-forest-human relationship) ในอุทยานธรณีโลกอุนเซ็นนั้นเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นไม่เพียงแต่นำมาซึ่งภัยพิบัติ แต่ยังมอบพรจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ดินภูเขาไฟที่อุดมด้วยแร่ธาตุและสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมได้สร้างพื้นฐานสำหรับการเกษตรที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและประมง ล้วนเกิดจากการใช้ประโยชน์จากดินที่ก่อตัวขึ้นโดยโลกตลอดระยะเวลาอันยาวนาน รวมถึงสภาพภูมิอากาศ (อุณหภูมิและปริมาณน้ำฝน) และภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ [1]
แหล่งน้ำพุร้อนหลายแห่ง เช่น น้ำพุร้อนโอบามะ (Obama), อุนเซ็น (Unzen) และชิมาบาระ (Shimabara) รวมถึงน้ำพุบริสุทธิ์จำนวนมาก ล้วนเป็นผลมาจากกิจกรรมใต้พิภพของภูเขาไฟ ที่สำคัญคือมีพืชพรรณเฉพาะถิ่น เช่น อาซาเลียคิวชู หรือมิยามะ-คิริชิมะ (Miyama-kirishima / Kyushu Azalea) ที่เติบโตและเบ่งบานในพื้นที่ภูเขาไฟ [2]
ในด้านวัฒนธรรม เรื่องเล่าพื้นบ้าน ประวัติศาสตร์ และภาษาถิ่น ล้วนสะท้อนถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตและปรับตัวเข้ากับธรรมชาติอันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น กบฏชิมาบาระ (Shimabara Rebellion) ในปี 1637-1638 ที่ปราสาทฮารา (Hara Castle) และ "หายนะชิมาบาระ" (Shimabara Catastrophe) ในปี 1792 ล้วนแสดงให้เห็นถึงความท้าทายและความพยายามของมนุษย์ในการฟื้นตัวจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ นอกจากนี้ ภูมิประเทศแบบขั้นบันได เช่น นาขั้นบันไดทานาบาทาเกะ (Tanabatake Terraced Farms) และทานิมิซุ (Tanimizu Terraced Paddies) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการปรับตัวและสร้างสรรค์วิถีชีวิตตามสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยา [1, 2]
อุทยานธรณีโลกยูเนสโก เขตภูเขาไฟอุนเซ็น เป็นพื้นที่มหัศจรรย์ที่สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตอันยิ่งใหญ่ของโลกและการปรับตัวของมนุษย์ การผสมผสานระหว่างธรณีวิทยาที่น่าทึ่ง ภัยพิบัติทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด การเยี่ยมชมอุทยานแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางเพื่อพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เข้าใจถึงความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งระหว่างโลกกับชีวิตของเรา หวังเป็นอย่างยิ่งว่านักท่องเที่ยวทุกท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์ "Geo-tourism" ที่สร้างแรงบันดาลใจและตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์มรดกทางธรณีวิทยาอันล้ำค่านี้ไว้สำหรับคนรุ่นหลัง
เอกสารอ้างอิง
[1] unesco.org. (no date). Unzen Volcanic Area UNESCO Global Geopark - International Geoscience and Geoparks Programme. Retrieved from https://vertexaisearch.cloud.google.com/grounding-api-redirect/AUZIYQHkmrA2gz6JhAYFH7J7XNVlYBFSnbCO_DU2l6xpbHTNJyaX1qSEkB0wnxRwo5RSYA7YjY7dJlZ4MXMqUo1gATTRnbVDGWHwchsl3pVrATKaIgIC5D8Tul9SzP3834xnRtGZofw1Pyolm_FJbGYAt3Q0LhpNdMqlLS_Use5eTAJSFB4=
[2] Unzen Volcanic Area UNESCO Global Geopark. (n.d.). Geosites. Retrieved from https://www.unzen-geopark.jp/en/geopark_highlight/
แผนที่ภูเขาไฟอุนเซน ที่มา https://www.unzen-geopark.jp/geopark_highlight/

แผนที่แสดงตำแหน่งที่ตั้ง UNESCO Global Geopark ในประเทศญี่ปุ่น
.
-------------------------
ที่มา
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
-------------------------

