iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา

การออกแบบระบบ (System Design) ที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมและไม่ล่ม

การสร้างแอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้จบแค่การเขียนโค้ดให้ทำงานได้ แต่หัวใจสำคัญ คือ การออกแบบสถาปัตยกรรมของระบบ (System Architecture) ที่สามารถรองรับการเติบโตของผู้ใช้ จากหลักสิบไปจนถึงหลักล้านคนได้โดยไม่สะดุด หากวางรากฐานไม่ดี เมื่อผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัญหา "เว็บล่ม" หรือ "แอปช้า" จะกลายเป็นฝันร้ายของทีมพัฒนาทันที บทความนี้จะถอดรหัสแผนภาพสถาปัตยกรรมระบบที่นิยมใช้กัน เพื่อให้เห็นว่าแต่ละส่วนประกอบทำงานร่วมกันอย่างไรในการสร้างระบบที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น พร้อมรับมือกับผู้ใช้จำนวนมหาศาล

จากภาพสรุปการทำงานจากคำขอ ได้ดังนี้ 

1. ผู้ใช้ส่งคำขอจากเบราว์เซอร์/แอป

2. DNS แปลงชื่อโดเมนเป็น IP Address

3. CDN ส่งไฟล์ static (รูปภาพ, CSS) กลับไปให้ผู้ใช้ทันที

4. คำขอหลัก (Dynamic Content) ถูกส่งไปที่ Load Balancer

5. Load Balancer เลือก Application Server ที่ว่างที่สุดเพื่อส่งคำขอไปประมวลผล

6. Application Server ต้องการข้อมูลผู้ใช้ จึงไปถาม Cache ก่อน

7. หากข้อมูลไม่อยู่ใน Cache, Application Server จะไปถาม Slave DB

8. เมื่อได้ข้อมูลแล้ว Server จะนำไปประมวลผล และส่งผลลัพธ์กลับไปให้ผู้ใช้

1. จุดเริ่มต้นของผู้ใช้ DNS และ CDN

เมื่อผู้ใช้พิมพ์ เช่น www.iok2u.com ในเบราว์เซอร์ หรือเปิดใช้งานแอปพลิเคชันบนมือถือ การเดินทางของคำขอ (Request) ได้เริ่มต้นขึ้น

  • DNS (Domain Name System): ทำหน้าที่เหมือนสมุดโทรศัพท์ของอินเทอร์เน็ต แปลงชื่อโดเมนที่มนุษย์จำง่าย (www.mysite.com) ให้เป็น IP Address (เช่น 192.168.1.1) ที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ เพื่อส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกต้อง
  • CDN (Content Delivery Network): สำหรับข้อมูลที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย เช่น รูปภาพ, วิดีโอ, ไฟล์ CSS หรือ JavaScript ระบบจะใช้ CDN เป็นตัวกลางในการจัดเก็บและส่งข้อมูลเหล่านี้ CDN มีเซิร์ฟเวอร์กระจายอยู่ทั่วโลก เมื่อผู้ใช้ร้องขอข้อมูล CDN จะส่งข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้มากที่สุด ทำให้การโหลดหน้าเว็บรวดเร็วยิ่งขึ้น และยังช่วยลดภาระงานของเซิร์ฟเวอร์หลักได้อย่างมหาศาล

2. ประตูหน้าด่าน Load Balancer

เมื่อคำขอของผู้ใช้เดินทางมาถึงเซิร์ฟเวอร์ของเรา ด่านแรกที่ต้องเจอคือ Load Balancer ซึ่งทำหน้าที่เป็น "ผู้จัดการจราจร" คอยกระจายคำขอที่เข้ามาไปยังเซิร์ฟเวอร์ (Server) แต่ละตัวในระบบ

ข้อดี

ป้องกันเซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักเกินไป: ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ตัวใดตัวหนึ่งต้องรับภาระงานทั้งหมด

เพิ่มความเสถียร (High Availability): หากมีเซิร์ฟเวอร์ตัวใดตัวหนึ่งล่มหรือต้องปิดปรับปรุง Load Balancer จะส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ตัวอื่นที่ยังทำงานอยู่แทน ทำให้ระบบโดยรวมยังคงให้บริการต่อไปได้

3. ขุมพลังหลัก: Application Servers และ Auto Scaling

ถัดจาก Load Balancer คือกลุ่มของ Application Servers ซึ่งเป็นที่ที่โค้ดของเรารันอยู่จริง ๆ เพื่อประมวลผลคำขอของผู้ใช้ ในช่วงเริ่มต้นเราอาจมีเซิร์ฟเวอร์แค่ 1-2 ตัว แต่เมื่อผู้ใช้เพิ่มขึ้น เราจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนเซิร์ฟเวอร์ตามไปด้วย

กุญแจสำคัญในส่วนนี้คือ Auto Scale ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ระบบสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยอัตโนมัติตามปริมาณการใช้งานจริง

ช่วงที่มีผู้ใช้เยอะ (Peak Time): ระบบจะสร้างเซิร์ฟเวอร์ใหม่เพิ่มขึ้นมาช่วยกันทำงาน

ช่วงที่มีผู้ใช้น้อย: ระบบจะลดจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่จำเป็นลง เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

การขยายระบบในแนวนอน (Horizontal Scaling) หรือการเพิ่มจำนวนเครื่องเซิร์ฟเวอร์แบบนี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าการเพิ่มสเปคของเซิร์ฟเวอร์เครื่องเดียว (Vertical Scaling) ในระยะยาว

4. หัวใจของข้อมูล: Database, Cache, และ NoSQL

ข้อมูลคือหัวใจของแอปพลิเคชัน การออกแบบส่วนจัดการข้อมูลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ในสถาปัตยกรรมนี้มีการแบ่งส่วนจัดการข้อมูลอย่างชาญฉลาด

Database Replication (Master-Slave): แทนที่จะมีฐานข้อมูล (Database) แค่ตัวเดียว เราใช้เทคนิคการจำลองฐานข้อมูล โดยแบ่งเป็น

Master DB: รับหน้าที่ในการ เขียน (Write) ข้อมูลเท่านั้น เช่น การสมัครสมาชิก, การโพสต์ข้อความ, การอัปเดตข้อมูล

Slave DB: เป็นสำเนาของ Master DB รับหน้าที่ในการ อ่าน (Read) ข้อมูลเท่านั้น เมื่อ Master DB มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล มันจะส่งสำเนา (Replicate) ไปยัง Slave DB ทุกตัว

ทำไมต้องแยก? โดยทั่วไปแล้ว แอปพลิเคชันมีการอ่านข้อมูลบ่อยกว่าการเขียนข้อมูลหลายเท่า การแยกเซิร์ฟเวอร์สำหรับอ่านและเขียนออกจากกัน ช่วยลดภาระของ Master DB ทำให้การเขียนข้อมูลทำได้รวดเร็ว และเราสามารถเพิ่ม Slave DB ได้เรื่อยๆ เพื่อรองรับการอ่านข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

Cache: คือที่พักข้อมูลชั่วคราวที่ถูกเรียกใช้บ่อยๆ ซึ่งทำงานได้เร็วกว่าฐานข้อมูลมาก เมื่อเซิร์ฟเวอร์ต้องการข้อมูล มันจะถาม Cache ก่อนเสมอ

  • ถ้ามีข้อมูลใน Cache (Cache Hit): ก็จะนำข้อมูลนั้นไปใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องไปเสียเวลาค้นหาในฐานข้อมูล
  • ถ้าไม่มี (Cache Miss): เซิร์ฟเวอร์จะไปดึงข้อมูลจาก Slave DB จากนั้นนำมาเก็บไว้ใน Cache เพื่อให้การเรียกใช้ครั้งต่อไปรวดเร็วยิ่งขึ้น
  • NoSQL: นอกจากฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database) อย่าง Master/Slave แล้ว สถาปัตยกรรมนี้ยังมีการใช้ NoSQL ด้วย ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ยืดหยุ่น เหมาะสำหรับเก็บข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างชัดเจน หรือข้อมูลที่ต้องการการเข้าถึงที่รวดเร็วเป็นพิเศษ เช่น ข้อมูลโปรไฟล์ผู้ใช้, ข้อมูล Log, หรือข้อมูลตะกร้าสินค้า

SI การออกแบบระบบ (System Design) ที่มีประสิทธิภาพ

1 แผนการพัฒนา Deep Dive ทำความเข้าใจกลยุทธ์ต่างๆ ในการกระจาย Traffic (เช่น Round Robin, Least Connections) และเรียนรู้สถานการณ์จริงว่าควรเลือกใช้แบบไหน

2 เลือก Database อย่างไรให้เหมาะกับงาน เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่าง SQL (Master-Slave) และ NoSQL อย่างละเอียด พร้อมกรณีศึกษาว่าแอปพลิเคชันแบบไหนควรเลือกใช้อะไร

3 กลยุทธ์ Caching เพื่อความเร็วสูงสุด เรียนรู้เทคนิคการทำ Cache นอกจากที่กล่าวไปในบทความ (เช่น Write-Through, Write-Back) เพื่อเพิ่มความเร็วให้ระบบถึงขีดสุด

แผนนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานหรือการสัมภาษณ์งานได้จริง ด้วยสถาปัตยกรรมที่แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนและออกแบบมาเพื่อการขยายตัวเช่นนี้ ระบบจึงสามารถเติบโตจากผู้ใช้ศูนย์คนไปสู่หลักล้านคนได้อย่างมั่นคง มีประสิทธิภาพ และพร้อมให้บริการตลอดเวลา นี่คือรากฐานสำคัญของการสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว

 

.

-------------------------

ที่มาข้อมูล

ที่มาภาพและรวบรวม

www.iok2u.com 

-------------------------

สนใจเรื่องราวเพิ่มเติมคลิกที่นี่

การรวมระบบ (System Integration)

-------------------------

 
 
 
 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward