2010 ภูมิประเทศแบบคาสต์ ดงวัน อุทยานธรณีโลก (Dong Van Karst Plateau UNESCO Global Geopark)
อุทยานธรณีโลก ดงวัน คาร์สต์เพลโต (Dong Van Karst Plateau UNESCO Global Geopark) มรดกทางธรณีวิทยาอันล้ำค่าแห่งเวียดนาม
อุทยานธรณีโลกยูนีสโกดงวันคาร์สต์เพลโต (Dong Van Karst Plateau UNESCO Global Geopark) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฮาเกียง (Ha Giang) ทางตอนเหนือสุดของประเทศเวียดนาม เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางธรณีวิทยาและวัฒนธรรมระดับโลก ด้วยภูมิประเทศแบบคาสต์ (Karst topography) ที่โดดเด่นและหลากหลาย ก่อกำเนิดเป็นภูเขาหินปูนสูงตระหง่านและหุบเหวลึกที่น่าทึ่ง พื้นที่แห่งนี้ได้รับการรับรองให้เป็นสมาชิกเครือข่ายอุทยานธรณีโลก (Global Geoparks Network - GGN) เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลกโดยยูเนสโกในปี พ.ศ. 2558 โดยได้รับการรับรองซ้ำครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2566
บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมเชิงวิชาการด้านธรณีวิทยาควบคู่ไปกับมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวเชิงธรณี (Geo-tourism) เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในคุณค่าของมรดกทางธรรมชาติและกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรณี (Geoconservation) พร้อมทั้งเผยแพร่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์โลก (Earth Science Education) ให้แก่สาธารณชน อุทยานธรณีดงวันคาร์สต์เพลโตเป็นมากกว่าจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว แต่เป็นห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่บันทึกเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของโลกมานานกว่า 550 ล้านปี ตั้งแต่ยุคแคมเบรียน (Cambrian period) จนถึงปัจจุบัน การมาเยือนที่นี่จึงไม่ใช่เพียงการชมความงาม แต่คือการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพิทักษ์และเรียนรู้ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของโลกของเรา
บริบททางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา (Geographical & Geological Context)
อุทยานธรณีโลกดงวันคาร์สต์เพลโตครอบคลุมพื้นที่ 2,356 ตารางกิโลเมตร ในสี่เขต ได้แก่ กวานบา (Quan Ba), เยนมิญ (Yen Minh), ดงวัน (Dong Van) และเหมียววัก (Meo Vac) ของจังหวัดฮาเกียง ประเทศเวียดนาม
ลักษณะภูมิประเทศ (Topography): พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงคาสต์ (Karst Plateau) ซึ่งโดดเด่นด้วยภูเขาหินปูนที่สูงชันและหุบเหวลึก พื้นผิวประมาณ 60% ของอุทยานปกคลุมด้วยหินปูน ภูมิทัศน์ประกอบด้วยยอดเขาสลับซับซ้อน มียอดเขามิ๋ววัก (Mieu Vac Mount) เป็นจุดที่สูงที่สุดที่ระดับความสูง 1,971 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีหุบผาชันตู่ซาน (Tu San Canyon) ซึ่งเป็นหนึ่งในหุบเหวที่ลึกที่สุดในภูมิภาค ด้วยความลึกประมาณ 700-800 เมตร อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณส่วนปลายทางด้านตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย (Himalayas) ทำให้เกิดภูมิประเทศที่หลากหลายและสวยงาม
ลักษณะทางธรณีวิทยา (Geology): อุทยานธรณีดงวันคาร์สต์เพลโตเป็นแหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญอย่างยิ่ง ด้วยการบันทึกประวัติศาสตร์โลกย้อนหลังไปถึงยุคแคมเบรียน (Cambrian period) หรือประมาณ 550 ล้านปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางธรณีวิทยาถึงเจ็ดช่วงเวลาที่แตกต่างกัน หินตะกอน (Stone sediments) ภายในอุทยานเป็นแหล่งรวมซากดึกดำบรรพ์ (Fossils) ที่หลากหลาย ทั้งปลาโบราณ พืช สัตว์ทะเลจำพวกแบรคิโอพอด (Brachiopods) ไบวาล์ฟ (Bivalves) ไทรโลไบต์ (Trilobites) และหอย (Molluscs) ทำให้เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญระดับโลกสำหรับการวิจัยบรรพชีวินวิทยา (Paleontological research)
กระบวนการก่อกำเนิด (Formation Process): การก่อตัวของอุทยานธรณีแห่งนี้สะท้อนถึงเหตุการณ์สำคัญทางธรณีวิทยาหลายครั้ง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก (Tectonics) ที่ทำให้เกิดการยกตัวของที่ราบสูง การกัดเซาะของน้ำและลมทำให้เกิดภูมิประเทศแบบคาสต์ที่สลับซับซ้อน เช่น ถ้ำ (Caves) และรอยเลื่อน (Faults) ที่สำคัญ นอกจากนี้ ธรณีวิทยาของพื้นที่ยังเป็นพยานหลักฐานของการเกิดมหายุคสูญพันธุ์ครั้งใหญ่สองครั้งในประวัติศาสตร์โลก ได้แก่ เหตุการณ์การสูญพันธุ์แฟรสเนียน-ฟาเมนเนียน (Frasnian-Famennian extinction) เมื่อประมาณ 360 ล้านปีที่แล้ว และเหตุการณ์การสูญพันธุ์เพอร์เมียน-ไทรแอสซิก (Permian-Triassic extinction) เมื่อประมาณ 250 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโลกอย่างรุนแรงในอดีต
อุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของมรดกทางธรณีวิทยาถึง 139 แห่ง โดยมี 15 แห่งที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความโดดเด่นและความสมบูรณ์ทางธรณีวิทยาของดงวันคาร์สต์เพลโต
แหล่งธรณีวิทยาสำคัญ (Key Geosites)
อุทยานธรณีโลกดงวันคาร์สต์เพลโตมีแหล่งธรณีวิทยาที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางวิชาการหลายแห่ง โดย 3-4 แห่งที่โดดเด่นมีดังนี้:
-
หุบผาชันตู่ซาน (Tu San Canyon): เป็นหุบผาชันที่ลึกที่สุดในภูมิภาคและเป็นหนึ่งในหุบเหวที่ลึกที่สุดในโลก มีความลึกประมาณ 700-800 เมตร ตู่ซานคานยอนเกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำและกระบวนการคาสต์ (Karst processes) บนชั้นหินปูน (Limestone formations) ที่หนาแน่นมายาวนานหลายล้านปี ผนังหุบเขาที่สูงชันเผยให้เห็นการจัดเรียงชั้นหิน (Stratigraphy) ที่เป็นหลักฐานการสะสมตัวของตะกอนในทะเลโบราณและกระบวนการยกตัวทางธรณีวิทยา (Geological uplift) ที่ทรงพลัง ทำให้เป็นจุดที่นักธรณีวิทยาสามารถศึกษาพลวัตของการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศและธรณีแปรสัณฐาน (Geotectonics) ได้อย่างชัดเจน
-
เส้นทางมาพีเลง (Ma Pi Leng Pass) และภูมิทัศน์ภูเขาหินปูนสูงชัน: มาพีเลงเป็นเส้นทางภูเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพอันตระการตาของภูเขาหินปูนคาสต์ที่สลับซับซ้อนและหุบเหวลึกเบื้องล่าง เส้นทางนี้ทอดยาวผ่านภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ที่ก่อตัวจากตะกอนทะเลในยุคพาเลโอโซอิก (Paleozoic era) ที่ถูกยกตัวขึ้นมาด้วยแรงทางธรณีแปรสัณฐาน (Tectonic forces) ภูมิทัศน์โดดเด่นด้วยยอดเขาแหลมคม (Pinnacles), สันเขาหินปูน (Ridges) และเนินหินรูปร่างแปลกตา (Cone Karst) ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการผุพังและการละลายของหินปูน (Chemical weathering and dissolution) โดยน้ำฝน ทำให้เกิดการกัดเซาะและสร้างรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ภูมิภาคนี้รวมถึงยอดเขามิ๋ววัก (Mieu Vac Mount) ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุทยาน เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของภูมิทัศน์คาสต์แบบเขตร้อน (Tropical Karst Landscape) ที่มีการพัฒนาอย่างเต็มที่
-
แหล่งซากดึกดำบรรพ์ในหินปูน (Paleontological Sites in Limestone Formations): หินปูนในอุทยานธรณีดงวันคาร์สต์เพลโตเป็นขุมทรัพย์ทางบรรพชีวินวิทยา (Paleontological treasure) ที่มีซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตในทะเลจำนวนมาก อาทิ แบรคิโอพอด (Brachiopods), ไบวาล์ฟ (Bivalves), ไทรโลไบต์ (Trilobites) และหอย (Molluscs) ซึ่งบ่งชี้ถึงสภาพแวดล้อมทางทะเลตื้นในอดีตที่มีชีวิตชีวา ความพิเศษของแหล่งนี้คือการพบหลักฐานของเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่สองครั้ง ได้แก่ การสูญพันธุ์แฟรสเนียน-ฟาเมนเนียน (Frasnian-Famennian) ในปลายยุคดีโวเนียน (Late Devonian) และการสูญพันธุ์เพอร์เมียน-ไทรแอสซิก (Permian-Triassic) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลกที่สิ่งมีชีวิตจำนวนมากบนโลกได้สูญหายไป การศึกษาซากดึกดำบรรพ์เหล่านี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตและสภาพแวดล้อมของโลกในช่วงเวลาสำคัญเหล่านั้น ทำให้ดงวันคาร์สต์เพลโตเป็นห้องปฏิบัติการธรรมชาติสำหรับการวิจัยวิวัฒนาการและบรรพชีวินวิทยา
ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม (Biodiversity & Culture)
อุทยานธรณีดงวันคาร์สต์เพลโตไม่ได้มีเพียงความงดงามทางธรณีวิทยา แต่ยังเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมอันรุ่มรวย ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างหิน ดิน น้ำ ป่า และมนุษย์ (Rock-Soil-Water-Forest-Human Relationship)
ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity): ภูมิประเทศแบบคาสต์ที่เป็นเอกลักษณ์สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) เฉพาะตัว ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์หลากหลายชนิด ภายในอุทยานมีพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติสองแห่ง ซึ่งเป็นแหล่งพึ่งพิงของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ ที่โดดเด่นที่สุดคือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเพียงแห่งเดียวของลิงจมูกเชิดตังเกี๋ย (Tonkin snub-nosed monkey) หนึ่งใน 25 ชนิดของสัตว์จำพวกลิงที่ใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลก โดยมีประชากรประมาณ 200 ตัว นอกจากนี้ยังพบพืชพรรณจำพวกสน (Conifers) และสัตว์ป่าอื่นๆ เช่น หมีควายเอเชีย (Asian black bear) และเลียงผาใต้ (Southern serow) ซึ่งสะท้อนถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศคาสต์ที่มีความเปราะบางและต้องการการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน
ความสัมพันธ์กับมนุษย์และวัฒนธรรม (Human-Culture Relationship): อุทยานแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองถึง 17 กลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ การตั้งถิ่นฐานและวิถีชีวิตของชุมชนเหล่านี้มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับสภาพธรณีวิทยาและภูมิประเทศ การใช้ชีวิตในพื้นที่ภูเขาหินปูนที่ท้าทายได้หล่อหลอมภูมิปัญญาและประเพณีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เช่น การทำไร่บนภูเขา (Terraced farming) การสร้างบ้านจากหิน และการปรับตัวเข้ากับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่
การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์มรดก (Sustainable tourism and heritage conservation) ได้เข้ามามีบทบาทในการยกระดับคุณภาพชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนท้องถิ่น การที่นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และเคารพในวัฒนธรรมท้องถิ่นควบคู่ไปกับการชื่นชมมรดกทางธรณีวิทยา เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์
ข้อแนะนำสำหรับนักเดินทาง (Traveler Guidelines)
การเดินทางสู่อุทยานธรณีโลกดงวันคาร์สต์เพลโตเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยการเรียนรู้ แต่เพื่อความปลอดภัยและความยั่งยืนของการท่องเที่ยวเชิงธรณี นักเดินทางควรปฏิบัติตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้:
การเตรียมตัว (Preparation):
-
สภาพร่างกาย: เส้นทางในอุทยานมักจะมีความลาดชันและท้าทาย ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินป่าและกิจกรรมกลางแจ้ง
-
อุปกรณ์: สวมรองเท้าที่เหมาะสมสำหรับการเดินบนพื้นที่ขรุขระ เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หมวกกันแดด ครีมกันแดด น้ำดื่มให้เพียงพอ และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
-
ข้อมูลและคำแนะนำ: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งธรณีวิทยาและวัฒนธรรมล่วงหน้า และควรเดินทางพร้อมไกด์ท้องถิ่นที่มีความรู้ เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งและปลอดภัย
-
สภาพอากาศ: ตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้า เนื่องจากภูมิประเทศภูเขาสูงอาจมีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว
จริยธรรมการท่องเที่ยวเชิงธรณี (Geo-Ethics):
-
เคารพธรรมชาติ: ไม่ทิ้งขยะ ไม่เก็บหินหรือซากดึกดำบรรพ์ออกจากพื้นที่ ไม่ทำลายพืชพรรณและสัตว์ป่า ทุกองค์ประกอบของอุทยานคือส่วนหนึ่งของมรดกโลก
-
เคารพวัฒนธรรม: แต่งกายสุภาพ เมื่อเยี่ยมชมชุมชนท้องถิ่น ควรเคารพขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเป็นส่วนตัวของชาวบ้าน หากต้องการถ่ายภาพบุคคล ควรถามขออนุญาตก่อนเสมอ
-
ความปลอดภัย: ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อุทยานอย่างเคร่งครัด ไม่เสี่ยงอันตรายในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต
-
การศึกษา: สนับสนุนการเรียนรู้และเผยแพร่ความรู้ด้านธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์
การปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้นักเดินทางได้รับประสบการณ์ที่น่าจดจำและมีส่วนร่วมในการปกป้องมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของอุทยานธรณีโลกดงวันคาร์สต์เพลโตเพื่อคนรุ่นหลัง
บทสรุป (Conclusion)
อุทยานธรณีโลกยูนีสโกดงวันคาร์สต์เพลโตเป็นอัญมณีทางธรณีวิทยาและวัฒนธรรมที่ตั้งอยู่ในภูมิประเทศอันงดงามของเวียดนาม ที่นี่ไม่เพียงนำเสนอความมหัศจรรย์ของภูมิทัศน์คาสต์ที่สลับซับซ้อน หุบเหวลึก และยอดเขาหินปูนสูงตระหง่าน แต่ยังเป็นสมุดบันทึกธรรมชาติที่เล่าเรื่องราวการกำเนิดและวิวัฒนาการของโลกตลอดระยะเวลา 550 ล้านปี ผ่านการสะสมของซากดึกดำบรรพ์และหลักฐานการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงลิงจมูกเชิดตังเกี๋ยที่ใกล้สูญพันธุ์ และวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของ 17 กลุ่มชาติพันธุ์ ล้วนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงคุณค่าอันประเมินมิได้ของอุทยานแห่งนี้
การได้รับการรับรองและรับรองซ้ำจากยูเนสโกในปี พ.ศ. 2566 เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญระดับโลกของดงวันคาร์สต์เพลโต และความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์มรดกธรณีวิทยา ควบคู่ไปกับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การเยี่ยมชมอุทยานแห่งนี้จึงเป็นมากกว่าการพักผ่อนหย่อนใจ แต่เป็นการเดินทางสู่การเรียนรู้และเข้าใจโลกของเราอย่างลึกซึ้ง การสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงธรณีอย่างรับผิดชอบ การส่งเสริมการอนุรักษ์ธรณี และการเผยแพร่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์โลก จะช่วยให้มรดกอันล้ำค่านี้คงอยู่คู่กับโลกของเราต่อไป เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแหล่งศึกษาสำหรับคนรุ่นหลังอย่างยั่งยืน

ธรณีวิทยาในพื้นที่ของอุทยานธรณีดงวาน (Dong Van Karst Plateau Geopark: DVKP Geopark) ของประเทศเวียตนาม มีชุดของชั้นหินทั้งหมด 7 ชุด
FIELD GUIDE TO DONG VAN KARST PLATEAU UNESCO GLOBAL GEOPAR
https://drive.google.com/file/d/1aqpnQjd_4e-7FbGC6Slqb3_6C3iPtz9F/view?usp=sharing
เอกสารอ้างอิง (References)
-
vietnamplus.vn. Dong Van Karst Plateau recognised as UNESCO Global Geopark.
-
evivatour.com. Dong Van Karst Plateau Global Geopark: The geological treasure of Vietnam.
-
vietnamtourism.gov.vn. Dong Van Karst Plateau UNESCO Global Geopark – The hidden charm.
ข้อมูลเพิ่มเติม
- Nares เวียดนาม ดงวาน อุทยานธรณีดงวาน (Dong Van Karst Plateau Geopark: DVKP Geopark)
- Nares เวียดนาม ดงวาน อุทยานธรณีดงวาน (Đồng Văn công viên địa chất) ฮาซาง (Ha Giang)
- Nares เวียดนาม ดงวาน ข้าวสารพระร่วงที่ป้อมดอนกาว (Don Cao Fortress)
-
-
.
-------------------------
ที่มา
- http://www.globalgeopark.org
- https://www.unesco.org/en/mab/wnbr/
รวบรวมรูปภาพ
-------------------------
-------------------------


แผนที่แสดงตำแหน่งที่ตั้ง UNESCO Global Geopark ในประเทศเวียตนาม
