iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้
ประวัติความเป็นมาการก่อตั้งโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ช่วงที่ 1 (พ.ศ. 2458 - 2478)
ประวัติความเป็นมาการก่อตั้งโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช รากฐานการศึกษาไทยในหัวเมืองเริ่มต้นที่นี่
เมื่อ พ.ศ. 2439 พระญาณรักขิต (พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ - จันทร์ ศิริจันโท) ได้มอบหมายให้พระมหาอ้วน ติสโส (สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดบรมนิวาส) และคณะ ทำการรวบรวมอุปกรณ์การศึกษาจากกรุงเทพมหานคร นำมาที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเปิดสอนที่วัดสุปัฏนารามวรวิหารโดยจัดตั้งเป็นโรงเรียนขึ้น
พ.ศ. 2440 โรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นนี้ รับนักเรียนทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ชาย โดยให้ชื่อว่า "โรงเรียนอุบลวิทยาคม" เป็นอาคารไม้สองชั้น อยู่ทางทิศใต้ของตัววัด ติดถนนพรหมราช วิชาที่เปิดสอนคือภาษาบาลี และภาษาไทย ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์จำนวน 10 ชั่ง เพื่อเป็นทุนในการใช้จ่ายในการเรียนการสอนโดยมีพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงใหญ่ต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลอีสานเป็นผู้แทนพระองค์ทรงนำมามอบให้
ต่อมาโรงเรียนอุบลวิทยาคมมีจำนวนนักเรียนมากขึ้น ทำให้โรงเรียนคับแคบและชำรุดทรุดโทรม ทางราชการซึ่งมีพระยาศรีธรรมศกราช (ปิ๋ว บุญนาค) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุบลราชธานี ในขณะนั้นได้ดำริสร้างโรงเรียนขึ้นใหม่ เป็นโรงเรียนตั้งอยู่นอกวัดที่มุมทุ่งศรีเมืองทางทิศอีสาน ใน พ.ศ. 2458 (บริเวณโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานีในปัจจุบัน)
การสถาปนาโรงเรียน พ.ศ. 2458 โรงเรียนหลังใหม่ที่แยกมาจากโรงเรียนอุบลวิทยาคมหลังนี้ การก่อสร้างใช้ช่างและแรงงานของนักโทษในเรือนจำจังหวัดอุบลราชธานี (เรือนจำนี้ตั้งอยู่ ณ ที่ทำการเทศบาลเมืองอุบลราชธานีในปัจจุบัน) สร้างเป็นโรงเรียนด้วยโครงไม้จริงทั้งหมด หลังคามุงสังกะสี ฝาขัดด้วยไม้ไผ่ผ่าเป็นซี่ๆ ขัดกันเป็นขัดแตะโบกด้วยยางบงผสมดินและทราย เป็นกำแพงหนามั่นคงแข็งแรงดี ตัวโรงภายนอกทาสีแดงคล้ำ ภายในทาสีปูนขาว มีระเบียงโดยรอบทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีบันไดอยู่ตรงกลาง ตัวอาคารมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยด้านตะวันตกและด้านตะวันออกยาวกว่าด้านทิศเหนือและทิศใต้เป็นโรงเรือนชั้นเดียว ใต้ถุนเตี้ยสูงประมาณ 1 เมตร มีห้องเรียน 8 ห้อง ใช้เป็นห้องครูใหญ่ ห้องพักครู ห้องสมุดและอุปกรณ์การเล่นกีฬา มีห้องประชุมอยู่กึ่งกลางตัวอาคารนับว่าเป็นโรงเรียนที่ใหญ่โตของมณฑลอุบลราชธานีในสมัยนั้น
เมื่อโรงเรียนได้สร้างเสร็จเรียบร้อย ได้ประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2458 โดยพระยาศรีธรรมศกราช ได้ทูลเชิญ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบกซึ่งมาตรวจราชการที่มณฑลอุบลราชธานี เป็นประธานประกอบพิธีเปิด และได้ประทานนามโรงเรียนว่า "โรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลอุบลราชธานีเบ็ญจะมะมหาราช" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยได้ทรงออกใบประกาศตั้งนามโรงเรียนให้ไว้เป็นสำคัญ ซึ่งโรงเรียนได้ใส่กรอบเก็บรักษาไว้จนกระทั่งบัดนี้
ดังนั้นโรงเรียนจึงถือเอาวันที่ 28 กันยายนของทุกปี เป็นวันสถาปนาโรงเรียน ที่ศิษย์และชาวอุบลราชธานีมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งโรงเรียนทั่วไปที่มีคำว่า "เบ็ญจะมะ" ในประเทศไทยไม่มีโรงเรียนใดต่อท้ายด้วยคำว่า "มหาราช" เลย จึงถือเป็นสิ่งล้ำค่าและภาคภูมิใจของชาวอุบลราชธานี
จะเห็นว่าต้นกำเนิดโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชได้สืบเนื่องมาจาก โรงเรียนวัดสุปัฏน์ฯ เมื่อเริ่มเปิดก็ได้โอนเอานักเรียนจากวัดสุปัฏน์ฯ ทั้งหมดมาเรียนที่โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชหลังแรกนี้ ซึ่งสอนเฉพาะคฤหัสถ์ชายทั้งชั้นประถมและชั้นมัธยม
ในช่วงระยะ พ.ศ.2458 - 2478 ซึ่งเป็นเวลา 20 ปี ที่โรงเรียนได้ทำการสอนมา มี ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ อาทิ ราชบุรุษอุ่ม สุวรรณภาส, อำมาตย์ตรีเจิม ยุวจิติ, อำมาตย์ตรีละพุล, ราชบุรุษผึ่ง ผโลปการ, รองอำมาตย์ตรีขุนโกศลเศรษฐ์, รองอำมาตย์ตรีขุนประสงค์จรรยา, รองอำมาตย์ตรีทองอินทร์ภูริภัฒน์, รองอำมาตย์ตรีน้อม (น้อย) วนะรมย์ เป็นท่านสุดท้าย เพราะโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชหลังแรกนี้ได้ยุติลง และได้ทำการสร้างขึ้นใหม่เป็นหลังที่ 2
? ที่มา Internet
.
-----------------------------------------------------------------------------
? กลุ่มชุมชนไลน์ "พี่น้องเบ็ญจะมะมหาราช"
https://line.me/ti/g2/lJ6w6p7dSfpZGO0GcDO_ZA?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
-----------------------------------------------------------------------------
ประวัติความเป็นมาการก่อตั้งโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ช่วงที่ 2 (พ.ศ. 2478 - 2515)
ประวัติความเป็นมาการก่อตั้งโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช รากฐานการศึกษาไทยในหัวเมืองเริ่มต้นที่นี่
เบ็ญจะมะ ช่วงที่ 2 (พ.ศ. 2478 - 2515) อาคารเรียนหลังที่สอง ใน พ.ศ. 2477 เนื่องจากโรงเรียนหลังแรกที่กล่าวมาแล้ว ได้ขยายชั้นเรียนและโรงเรียนรับนักเรียนที่มาเข้าเรียนมากจนล้นโรงเรียน ทำให้สถานที่คับแคบ โรงเรียนจึงได้แบ่งนักเรียนชั้นต้นๆ แยกไปเรียนและใช้สถานที่สโมสรเสือป่าเก่า (ตั้งอยู่แผนกศึกษาธิการจังหวัดขณะนี้) ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวเป็นที่เรียนด้วย ทำให้นักเรียนแยกโรงเรียนไปเรียนตามที่ต่างๆ เป็นการไม่สะดวกในการปกครองและการดูแลการเรียนการสอน
ต่อมาจังหวัดได้รับงบประมาณเงิน 4 หมื่นเศษ สร้างอาคารเรียนหลังใหม่ขึ้นอีก ในบริเวณกรมทหารเก่า ซึ่งย้ายไปตั้งอยู่ที่อำเภอว่ารินชำราบ โรงเรียนหลังที่กล่าวนี้คือ หลังที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทุ่งศรีเมือง หรือด้านหลังของศาลากลางจังหวัด ในปัจจุบันงบประมาณ 4 หมื่นบาทนับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ เป็นที่ตื่นเต้นของชาวบ้านชาวเมืองมาก นับว่าเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ สร้างในเนื้อที่ราว 40 กว่าไร่ ทิศเหนือจดถนนเบ็ญจะมะและวัดชัยมงคล ทิศใต้จดถนนศรีณรงค์และวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม ในปัจจุบัน) ทิศตะวันออกจดถนนอุปราชและทุ่งศรีเมือง ทิศตะวันตกจดบ้านประชาชนและป่าช้าโรมันคาทอลิก ตัวอาคารอยู่ตรงกลางของพื้นที่ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีสนามและเสาธงขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพูนดินมีขาเสาธงสี่ขาตั้งอยู่หน้าอาคารเรียน มีถนนรอบสนามฟุตบอลออกไปทางด้านหน้าโรงเรียน ด้านหน้าของอาคารทั้งสองข้างมีถนนเดินเข้าสู่โรงเรียน ด้านหลังเยื้องไปทางทิศใต้มีโรงพละศึกษา ด้านหลังมีบ้านพักครู โรงพัสดุ บ้านพักภารโรง และใช้เนื้อที่หลังสุดสำหรับงานเกษตรกรรมจนจดป่าช้าโรมันคาทอลิก
ตัวโรงเรียนเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ตั้งอยู่บนฐานที่ก่อด้วยซีเมนต์ ด้านหน้ามีมุข 3 มุขเรียงกันหลังคาเป็นกระเบื้อง ตัวอาคารเป็นไม้เนื้อแข็ง ทั้งหมดทั้งพื้น เพดานและฝาผนัง พื้นเข้าลิ้นสนิทจนเป็นเนื้อเดียวกัน น้ำที่หกจากชั้นบนไม่สามารถจะไหลลงมาชั้นล่างได้ ประตูหน้าต่างเป็นไม้สักหมดทุกบาน มีบันไดขึ้นลงจากชั้นล่างสู่ชั้นบนทั้งสองข้างตัวอาคารทาสีไข่ไก้ทั้งด้านนอกและด้านใน เพดานทาสีขาว กรอบประตูหน้าต่างคาดเส้นพื้นผนังและคิ้วไม้ด้วยสีน้ำตาลแดงคล้ำ มีฟุตบาทก่อด้วยซีเมนต์รอบตัวอาคาร มีถังน้ำสร้างด้วยซีเมนต์ขนาดใหญ่ 2 ถังไว้รองรับน้ำฝนให้นักเรียนไว้ดื่มกิน ทางขึ้นลงมี 6 ทางด้านหน้าและหลังด้านละ 2 ทาง ด้านข้างด้านละทาง การก่อสร้างประณีตและยอดเยี่ยมมาก เป็นที่นิยมยกย่องแก่ผู้พบเห็น ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนมาทาสีอาคารเป็นสีฟ้าอมเทาตลอดทั้งหลัง
อาคารทั้ง 2 ชั้นมีห้องเรียน 20 ห้อง ห้องประชุม 1 ห้อง อยู่ตอนกลางชั้นบน ห้องพักครู 1 ห้อง อยู่ชั้นล่างตอนกลาง ห้องครูใหญ่และห้องธุรการอยู่มุขกลางชั้นล่าง ห้องสมุดอยู่มุขกลางชั้นบนห้องประชุมบางครั้งใช้เป็นห้องวิทยาศาสตร์อยู่ตอนกลางชั้นบน
ผู้ออกแบบอาคารคือ พระสาโรจน์รัตนนิมมาน สถาปนิกประจำกระทรวงศึกษาธิการ ท่านบอกว่ารากฐานของโรงเรียนหลังนี้มั่นคงแข็งแรงมาก ถ้าเครื่องไม้ชำรุดพังลง จะรื้อไม้ออกแล้วก่อตึกบนฐานเดิมได้เลย แต่ไม่ปรากฏว่าโรงเรียนได้เกิดความชำรุดเสียหายแต่อย่างใดยังคงใช้การได้เป็นเวลานาน พื้นคงแนบสนิท ประตูหน้าต่างยังคงสภาพเดิม นับว่ามั่นคงแข็งแรงหาอาคารใดเทียบได้ยาก ผู้รับเหมาก่อสร้างคือนายเชย เป็นคนจีน ใช้เวลาก่อสร้างเกือบปีทราบว่าการรับเหมาก่อสร้างอาคารหลังนี้ ขาดทุนเป็นจำนวนมาก และนายเชยได้หายหน้าหายตาไปเลย
? ที่มา Internet
.
-----------------------------------------------------------------------------
? กลุ่มชุมชนไลน์ "พี่น้องเบ็ญจะมะมหาราช"
https://line.me/ti/g2/lJ6w6p7dSfpZGO0GcDO_ZA?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
-----------------------------------------------------------------------------
ประวัติความเป็นมาการก่อตั้งโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ช่วงที่ 3 ( พ.ศ. 2516 ถึงปัจจุบัน) อาคารโรงเรียนแห่งที่ 3 ณ ที่ตั้งปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมาการก่อตั้งโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช รากฐานการศึกษาไทยในหัวเมืองเริ่มต้นที่นี่
เบ็ญจะมะช่วงที่ 3 ( พ.ศ. 2516 ถึงปัจจุบัน) อาคารโรงเรียนแห่งที่ 3 ณ ที่ตั้งปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2511 - 2512 นายพัฒน์ บุณยรัตนพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้นได้ตกลงระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการอย่างไร คณะครูอาจารย์โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชไม่ทราบในรายละเอียดชัดแจ้ง ท่านได้ให้เจ้าหน้าที่มาปักหมุดวางผังบริเวณเสาธงและสนามฟุตบอล โดยบอกว่าจะสร้างศาลากลางจังหวัดในบริเวณนั้น ด้วยความแปลกใจและตกใจของครูอาจารย์และนักเรียน ในที่สุดก็ได้ทราบว่า จะใช้บริเวณโรงเรียนสร้างเป็นบริเวณศาลากลางจังหวัดจริงแทนศาลากลางจังหวัดหลังเก่าที่เล็กและคับแคบ (พิพิธภัณฑ์สถานจังหวัดอุบลราชธานีขณะนี้)
ต่อมาทางการได้อนุมัติเงินงบประมาณ 11 ล้านบาทเศษ สร้างโรงเรียนขึ้นใหม่เพื่อให้โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชย้ายไปอยู่ที่ตำบลท่าวังหิน ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ แปลงเลขที่ 1776 โดยในขณะที่กำลังสร้างหลังใหม่นั้น โรงเรียนหลังเก่าก็ยังทำการสอน เป็นการรอโรงเรียนที่กำลังสร้างใหม่ และศาลากลางจังหวัดก็ดำเนินการก่อสร้างไปพร้อมๆ กัน
โรงเรียน "เบ็ญจะมะมหาราช" แห่งใหม่นี้ สร้างเป็นอาคารคอนกรีตจำนวนหลายหลังในเนื้อที่กว้างขวางมากประมาณ 150 ไร่ 15.9 ตารางวา ตั้งอยู่เลขที่ 600 ถนนสรรพสิทธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี อาณาเขตทิศเหนือจรดบ้านพักอาจารย์สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี ทิศใต้ (ด้านหน้า) จรดถนนสรรพสิทธิ์ ทิศตะวันออกจรดซอยชื่นจิต ทิศตะวันตกจรดถนนหน้าที่ทำการการประปา ได้ทำการก่อสร้างจนสำเร็จเรียบร้อย และได้ย้ายนักเรียนจากหลังเก่ามาเรียนในที่แห่งใหม่นี้ ใน พ.ศ. 2516 ในนาม "โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช" ตามเดิม มีนายอภัย จันทวิมล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้นมาเป็นประธานในพิธีเปิด
โรงเรียนหลังที่ 3 นี้ มีบริเวณกว้างขวางมาก มีอาคารเรียน หอประชุม ศูนย์กีฬา โรงอาหาร และอาคารประกอบอื่นๆ เป็นจำนวนมาก มีห้องเรียนทั้งหมดถึง 99 ห้อง นับเป็นโรงเรียนที่กว้างขวางใหญ่โตแห่งหนึ่ง
ปัจจุบัน โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาส่วนภูมิภาคขนาดใหญ่พิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนตามหลักสูตรสายสามัญ ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 แบบสหศึกษา
? ที่มา Internet
.
-----------------------------------------------------------------------------
? กลุ่มชุมชนไลน์ "พี่น้องเบ็ญจะมะมหาราช"
https://line.me/ti/g2/lJ6w6p7dSfpZGO0GcDO_ZA?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
-----------------------------------------------------------------------------
การนับรุ่น โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช
โดยปีที่เปิดโรงเรียน คือ ปี 2458 นั้น มีนักเรียนเดิม ที่กำลังจะจบการศึกษาในปีนั้น พอดีอีก 5 ชั้นปี เพราะฉะนั้น นร.ที่เข้า ม.1 ปี 2458 จึงไม่ใช่รุ่นที่ 1 แต่เป็นรุ่นที่ 6 การนับรุ่นจะนับจากปีที่เข้า ม.1 (ปี ม.1) - (ปีก่อตั้ง 2458) + (6 ปี) เช่น เข้า ม.1 ปี 2528 = 2528 - 2458 +6 = รุ่น 76
หมายเหตุ
* โรงเรียนเบ็ญจะมะมี 3 ช่วง คือ
- ปี 2440-2458 ก่อนจะมาใช้ชื่อ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ตอนนั้นยังเป็น โรงเรียนอุบลวิทยาคม อยู่ในบริเวณพื้นที่ วัดสุปัฐน์
- ปี 2458-2478 เป็นช่วงแรก เริ่มใช้ชื่อ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ในวันที่ 28 กันยายน 2458
- ปี 2475-2515 เป็นช่วงสอง โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ย้ายจากในพื้นที่วัดสุปัฐน์มาอยู่บริเวณตรงข้ามทุ่งศรีเมือง
- ปี 2475-2515 ช่วงปัจจุบัน โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ย้ายจากแถวทุ่งศรีเมือง มาอยู่บริเวณที่ตั้งในปัจจุบัน
* ระดับ ม. มีการเปลี่ยนไป 3 ช่วง ม.1-ม.8 / มศ.1-มศ.5 / ม.1-ม.6
? ที่มา Internet
.
-----------------------------------------------------------------------------
? กลุ่มชุมชนไลน์ "พี่น้องเบ็ญจะมะมหาราช"
https://line.me/ti/g2/lJ6w6p7dSfpZGO0GcDO_ZA?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
-----------------------------------------------------------------------------
www.iok2u.com ให้ความรู้แนะนำแนวทางการศึกษา
แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจใช้ประกอบการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้
www.iok2u.com
ดำเนินการโดย เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ
เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward