iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป

สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (Wonders of the World)

 

สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (Wonders of the World) เปิดประตูสู่มนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรมและธรรมชาติ บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยสถานที่ที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและความสามารถอันล้ำเลิศของมนุษย์ ทั้งในด้านการก่อสร้าง ศิลปะ วัฒนธรรม และความศรัทธา สถานที่เหล่านี้ได้รับการยกย่องให้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (Wonders of the World)” จุดหมายในฝันของนักเดินทางทั่วโลกที่อยากไปสัมผัสด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิต 

ทำความรู้จักกับ "สิ่งมหัศจรรย์ของโลก" ในแต่ละยุคสมัย โลกของเรามีนิยามของคำว่า "มหัศจรรย์" ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ เพื่อให้เข้าใจที่มาและคุณค่าของแต่ละสถานที่ได้อย่างลึกซึ้ง

1. สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ (The Ancient World) ส่วนใหญ่เป็นรายชื่อที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุด บันทึกโดยนักปราชญ์ชาวกรีกโบราณในยุคเฮลเลนิสติก สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงขีดจำกัดทางสถาปัตยกรรมและศิลปะในยุคนั้น แม้ส่วนใหญ่จะเหลือเพียงแค่ในตำนาน แต่ความยิ่งใหญ่ของมันยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้เสมอ 

สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ต้นกำเนิดแห่งอารยธรรม การเดินทางย้อนเวลากลับไปในยุคที่มนุษย์เพิ่งเริ่มสร้างอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และสถานที่แรกที่เราจะไปเยือนคืออาณาจักรไอยคุปต์โบราณ ดินแดนที่เปี่ยมด้วยความลับและสิ่งก่อสร้างอันเป็นนิรันดร์

1.1 มหาพีระมิดแห่งกีซา มรดกหนึ่งเดียวที่ยังหลงเหลือ เมื่อเท้าสัมผัสผืนทรายร้อนระอุของทะเลทรายอียิปต์ และสายตาได้เห็นโครงสร้างสามเหลี่ยมขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า คุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไม มหาพีระมิดแห่งกีซา จึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์เพียงหนึ่งเดียวจากยุคโบราณที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน มันคืออนุสรณ์สถานแห่งความยิ่งใหญ่ที่ท้าทายกาลเวลาและกฎฟิสิกส์ พีระมิดที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของฟาโรห์คูฟูเมื่อกว่า 4,500 ปีก่อน และยังคงเป็นปริศนาว่าผู้คนในยุคนั้นสามารถขนย้ายหินขนาดมหึมานับล้านก้อนมาเรียงต่อกันได้อย่างไร ความเงียบสงบที่โอบล้อมพีระมิด ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงภาพผู้คนนับแสนที่ทุ่มเทแรงกายเพื่อสร้างสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ การเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่แค่การชมสถาปัตยกรรม แต่คือการได้สัมผัสกับความทะเยอทะยานอันไร้ขีดจำกัดของมนุษย์

1.2 สวนลอยบาบิโลน ตำนานแห่งความรักที่เลือนหายในเมโสโปเตเมีย จากความจริงที่สัมผัสได้ เราจะพาคุณเดินทางสู่โลกของตำนานกับ สวนลอยบาบิโลน สิ่งมหัศจรรย์ที่อาจจะไม่มีอยู่จริง แต่เรื่องราวของมันกลับตรึงใจผู้คนมาเนิ่นนาน ว่ากันว่ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 ทรงสร้างสวนแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อมอบให้แก่พระมเหสีผู้โหยหาขุนเขาและธรรมชาติในบ้านเกิด สวนลอยแห่งนี้ถูกจินตนาการให้เป็นชั้นลดหลั่นคล้ายระเบียงขนาดใหญ่กลางทะเลทราย ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มและดอกไม้นานาพันธุ์ ซึ่งต้องอาศัยระบบชลประทานที่ซับซ้อนเพื่อนำน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีสขึ้นไปหล่อเลี้ยงตลอดเวลา แม้จะไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีที่แน่ชัด แต่ความงดงามและเรื่องราวที่โรแมนติกนี้ทำให้สวนลอยบาบิโลนยังคงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในจินตนาการของเรา และเป็นบทพิสูจน์ว่าบางครั้งความมหัศจรรย์ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดำรงอยู่ทางกายภาพเสมอไป

1.3 วิหารอาร์เทมิสที่เอเฟซัส ความยิ่งใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อเทพี ในอดีต ณ เมืองเอเฟซัส ซึ่งปัจจุบันคือประเทศตุรกี มีมหาวิหารที่ถูกกล่าวขานว่างดงามที่สุดในโลกตั้งอยู่ วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพีอาร์เทมิส เทพีแห่งการล่าสัตว์และสัตว์ป่า ว่ากันว่าวิหารนี้มีขนาดมหึมาและประดับด้วยเสาหินอ่อนสูงตระหง่านกว่า 127 ต้น แต่ละต้นแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงจนเป็นที่กล่าวขานถึงความโอ่อ่าอลังการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ทุกวันนี้จะเหลือเพียงแค่เศษซากปรักหักพังที่แทบไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิม และเสาที่ยืนต้นอยู่เพียงต้นเดียว แต่มันคือเครื่องเตือนใจว่าความยิ่งใหญ่ที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นแม้จะยืนยง แต่ก็เปราะบางเมื่อต้องเผชิญหน้ากับไฟแห่งความริษยาและความขัดแย้งในหน้าประวัติศาสตร์

1.5 รูปปั้นเทพเจ้าซุสที่โอลิมเปีย ศิลปะอันวิจิตรจากทองคำและงาช้าง จากวิหารที่ยิ่งใหญ่ เราจะย้ายมายังสถานที่ที่เป็นต้นกำเนิดของกีฬาโอลิมปิกโบราณ ณ เมืองโอลิมเปีย ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานของ รูปปั้นเทพเจ้าซุส สิ่งมหัศจรรย์ที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดบนเขาโอลิมปัส รูปปั้นนี้ถูกสร้างขึ้นโดยประติมากรผู้โด่งดัง "ฟิดิอัส" โดยเทพซุสในท่าประทับนั่งบนบัลลังก์ มีความสูงถึง 12 เมตร และตกแต่งด้วยทองคำและงาช้างอย่างวิจิตรบรรจง สะท้อนถึงความมั่งคั่งและความศรัทธาของชาวกรีกในยุคนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ น่าเสียดายที่รูปปั้นแห่งนี้ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว และเรื่องราวของมันถูกเล่าขานผ่านเพียงบันทึกของนักเดินทางในอดีตเท่านั้น แต่ความงามที่เลือนหายไปนี้เองที่ทำให้เราได้ตระหนักถึงคุณค่าของศิลปะที่เกิดขึ้นในยุคทองแห่งอารยธรรมกรีกอย่างแท้จริง

1.6 สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสซัส สถาปัตยกรรมสุดอลังการสำหรับกษัตริย์ ในอดีต ณ เมืองโบราณฮาลิคาร์นัสซัส ซึ่งปัจจุบันคือเมืองโบดรัม ประเทศตุรกี มีสุสานที่ไม่ได้สร้างขึ้นเพียงเพื่อเป็นที่พักสุดท้าย แต่เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของผู้ปกครองนามว่า โมโซลุส สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสซัส แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ผสมผสานศิลปะแบบกรีกและเปอร์เซียเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตัวอาคารถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยรูปปั้นและงานแกะสลักที่เล่าเรื่องราวชีวิตของกษัตริย์และเทพเจ้า จนได้รับการยกย่องว่าสวยงามและโอ่อ่าที่สุดในยุคนั้น แม้สุสานแห่งนี้จะพังทลายลงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่ชื่อของมันได้กลายเป็นต้นกำเนิดของคำว่า "Mausoleum" (อนุสรณ์สถานขนาดใหญ่) ในหลายภาษา ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจลืมเลือนได้

1.7 ประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย แสงนำทางจากโครงสร้างที่สูงที่สุดในยุคนั้น เดินทางต่อไปยังเมืองอเล็กซานเดรียของอียิปต์ ที่ซึ่งเคยเป็นเมืองท่าสำคัญและศูนย์กลางความรู้ของโลก ที่นี่มี ประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย ตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะฟาโรส เป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าทางวิศวกรรมของยุคสมัย ประภาคารแห่งนี้มีความสูงตระหง่านถึง 135 เมตร เทียบเท่าอาคาร 40 ชั้นในปัจจุบัน โดยมีไฟที่เกิดจากฟืนและกระจกสะท้อนแสง ทำให้แสงสว่างสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลถึง 56 กิโลเมตร ทำหน้าที่นำทางเรือเข้าสู่ท่าเรืออย่างปลอดภัยในยามค่ำคืน แต่เช่นเดียวกับสิ่งมหัศจรรย์อื่นๆ ในยุคโบราณ ประภาคารแห่งนี้ได้พังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ประภาคารแห่งอเล็กซานเดรียยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและแสงสว่างที่นำทางมนุษย์จากความมืดมิดในท้องทะเลสู่ความศิวิไลซ์บนฝั่งที่รออยู่

2. เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง (The Middle Ages) รายชื่อนี้ไม่เป็นทางการเท่ากับยุคโบราณ แต่เป็นการรวบรวมสถานที่ที่สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่อารยธรรมโลกกำลังเฟื่องฟูอีกครั้ง โดยเฉพาะในยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา สิ่งมหัศจรรย์ในยุคนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางวิศวกรรมที่แตกต่างจากยุคก่อนหน้าอย่างชัดเจน

2.1 หอเอนเมืองปิซา จากความผิดพลาดที่กลายเป็นเอกลักษณ์ ที่เมืองปิซาของอิตาลี เราจะได้พบกับหอระฆังที่โด่งดังไปทั่วโลก ไม่ใช่เพราะความสมบูรณ์แบบ แต่เพราะความไม่สมบูรณ์แบบของมัน หอเอนเมืองปิซา คือตัวอย่างที่น่าทึ่งของความผิดพลาดในการออกแบบที่กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันเป็นเอกลักษณ์ การก่อสร้างที่เริ่มขึ้นในปี 1173 ได้ดำเนินไปบนพื้นดินที่นุ่มและไม่มั่นคง ทำให้ตัวอาคารค่อยๆ เอนลงสู่ด้านหนึ่งอย่างช้าๆ การเอียงของหอแห่งนี้ได้สร้างความท้าทายให้กับวิศวกรมาหลายศตวรรษ แต่ในที่สุดความเอนนี้เองที่ทำให้หอคอยแห่งนี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้คนจากทั่วโลก และเป็นเครื่องยืนยันว่าบางครั้ง ความงดงามที่แท้จริงก็อาจซ่อนอยู่ในความไม่สมบูรณ์แบบ

2.2 สนามกีฬาโคลอสเซียม ความบันเทิงอันโหดร้ายในอารยธรรมโรมัน เมื่อเดินทางสู่ใจกลางกรุงโรม เราจะเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่ในอีกรูปแบบหนึ่ง สนามกีฬาโคลอสเซียม คือผลงานทางวิศวกรรมที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน เป็นอัฒจันทร์หินขนาดมหึมาที่เคยรองรับผู้ชมได้กว่า 50,000 คน ที่นี่คือสถานที่จัดการประลองอันดุเดือดระหว่างกลาดิเอเตอร์ การต่อสู้กับสัตว์ป่า และการแสดงสาธารณะต่างๆ ที่เปี่ยมด้วยความตื่นเต้นและเลือดเนื้อ แม้ความโหดร้ายในอดีตจะทิ้งร่องรอยไว้ แต่โครงสร้างอันแข็งแกร่งที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ก็เป็นเครื่องเตือนใจถึงความสามารถในการก่อสร้างของชาวโรมัน และสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมและความบันเทิงของอารยธรรมที่ทรงอำนาจที่สุดในยุคหนึ่ง

2.3 สุเหร่าโซเฟีย การเดินทางผ่านประวัติศาสตร์จากวิหารสู่มัสยิด ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี มีสิ่งก่อสร้างหนึ่งที่เล่าเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของสองอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ สุเหร่าโซเฟีย คือสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ที่มีความงดงามล้ำค่า สร้างขึ้นครั้งแรกในฐานะอาสนวิหารแห่งคริสต์ศาสนา ก่อนจะถูกดัดแปลงเป็นมัสยิดหลังจากการยึดครองเมืองโดยชาวออตโตมัน และล่าสุดได้กลับมาเป็นมัสยิดอีกครั้ง โดมขนาดใหญ่ที่น่าทึ่งและงานโมเสกอันประณีตงดงามที่บอกเล่าเรื่องราวของคริสต์ศาสนาได้อยู่ร่วมกับอักษรอาหรับอันวิจิตรงดงามของศาสนาอิสลามอย่างน่าทึ่ง สุเหร่าโซเฟียจึงไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่คือพงศาวดารที่มีชีวิต ที่บอกเล่าเรื่องราวการอยู่ร่วมกันของศิลปะ ศาสนา และประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนของมนุษย์

2.4 กำแพงเมืองจีน มหากำแพงที่เล่าเรื่องราวของจักรวรรดิ เมื่อมองเห็น กำแพงเมืองจีน ทอดตัวยาวไปตามสันเขาและหุบเหวสุดลูกหูลูกตา ราวกับมังกรหินที่หลับใหลอยู่ คุณจะสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นที่ไม่ธรรมดาของมนุษย์ กำแพงขนาดมหึมาที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือนี้ ไม่ใช่แค่สิ่งก่อสร้าง แต่คือสัญลักษณ์แห่งความอุตสาหะและความเสียสละของผู้คนนับล้าน กำแพงแห่งนี้ถูกสร้างและซ่อมแซมมาหลายยุคสมัย ทำให้แต่ละส่วนมีเรื่องราวของตนเองที่เล่าขานถึงความรุ่งเรือง ความหวาดกลัว และความพยายามที่จะปกป้องแผ่นดิน มันเป็นทั้งสิ่งมหัศจรรย์ในยุคกลางและหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ที่ได้รับการโหวตจากผู้คนทั่วโลก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำคัญอันเป็นนิรันดร์ของมัน

2.5 เจดีย์เครื่องเคลือบดินเผานานกิง ความงามจากกระเบื้องที่เปล่งประกาย จากความแข็งแกร่งของกำแพง เราจะไปสัมผัสกับความงามอันเปราะบางของ เจดีย์เครื่องเคลือบดินเผานานกิง ที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ในเมืองหนานจิง เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงและเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่งดงามที่สุดในโลก ตัวเจดีย์สูงเกือบ 80 เมตร ประดับด้วยกระเบื้องเครื่องเคลือบสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ที่เปล่งประกายภายใต้แสงแดดและแสงจันทร์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "เจดีย์แก้ว" ยามค่ำคืนจะมีโคมไฟแขวนอยู่ตามเจดีย์กว่า 140 ดวง ทำให้มองเห็นได้จากระยะไกล น่าเศร้าที่ความงามนี้ได้ถูกทำลายลงจากสงครามกลางเมืองในศตวรรษที่ 19 เหลือเพียงเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์ แต่ความทรงจำของเจดีย์ที่เคยรุ่งโรจน์ก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ศิลปะและสถาปัตยกรรมมาจนถึงทุกวันนี้

2.6 สโตนเฮนจ์ ปริศนาแห่งหินที่ยังรอการไขคำตอบ บนทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ในอังกฤษ มีกลุ่มก้อนหินมหึมาตั้งเรียงรายเป็นวงกลมอย่างโดดเด่น สโตนเฮนจ์ คือหนึ่งในอนุสาวรีย์ที่น่าฉงนที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นโดยคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ด้วยหินที่มีน้ำหนักหลายสิบตัน ซึ่งต้องมีการขนย้ายมาจากระยะทางอันไกลโพ้น นักโบราณคดีและนักวิชาการต่างถกเถียงกันมานานหลายศตวรรษถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของมัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เป็นสุสาน สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือแม้แต่หอดูดาวทางดาราศาสตร์ ความเงียบสงบที่โอบล้อมก้อนหินเหล่านี้ราวกับกำลังเก็บงำความลับในอดีต และความลึกลับนี้เองที่ทำให้สโตนเฮนจ์กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ดึงดูดใจผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยือน และตั้งคำถามถึงอัจฉริยภาพของผู้สร้างในยุคนั้น

2.7 สุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย เขาวงกตใต้พิภพที่เปี่ยมด้วยศิลปะ จากปริศนาบนดิน เราจะดำดิ่งลงสู่โลกใต้ดินที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เมืองอเล็กซานเดรียของอียิปต์ สุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย หรือที่รู้จักในชื่อ Kom El Shoqafa คือเขาวงกตที่ซับซ้อนและงดงาม ซึ่งทำหน้าที่เป็นสถานที่ฝังศพขนาดใหญ่ในยุคโรมัน การเดินลงไปในความมืดที่เย็นเยียบจะพาเราไปพบกับห้องโถงที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง และงานศิลปะที่ผสมผสานอารยธรรมกรีก โรมัน และอียิปต์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เราจะได้เห็นภาพแกะสลักที่แสดงเทพเจ้าของอียิปต์แต่งกายในสไตล์โรมัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการหลอมรวมทางวัฒนธรรมได้อย่างน่าทึ่ง สุสานใต้ดินแห่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า แม้แต่ในสถานที่ที่เงียบสงบที่สุด ก็ยังสามารถเก็บซ่อนความงามและเรื่องราวที่รอให้เราไปค้นพบได้เสมอ

3. เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ (The New World) นี่คือรายชื่อที่ถูกจัดทำขึ้นในศตวรรษที่ 21 ผ่านการโหวตจากผู้คนทั่วโลกอย่างแท้จริง เป็นการคัดเลือกสถานที่ที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่และเป็นที่รู้จักของผู้คนในปัจจุบัน สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมมนุษย์ในหลากหลายพื้นที่ ทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย เมื่อโลกเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ การนิยามคำว่า "สิ่งมหัศจรรย์" ก็เปลี่ยนไป สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงซากปรักหักพัง แต่ยังคงมีชีวิตชีวาและสะท้อนถึงจิตวิญญาณของผู้คนในยุคสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี และไม่มีที่ใดที่จะเหมาะกับการเริ่มต้นการเดินทางในยุคใหม่เท่ากับทวีปอเมริกา

3.1 มาชูปิกชู เมืองลับแลของชาวอินคาบนเทือกเขาสูง นครหินบนเทือกเขาแอนดีสที่สูงกว่า 2,400 เมตร สร้างโดยชาวอินคา โอบล้อมด้วยขุนเขาและหมอกขาว สถานที่ที่ผสมผสานความลึกลับกับความงดงามอย่างลงตัว การเดินทางสู่ มาชูปิกชู คือ ประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสู่ดินแดนที่ถูกซ่อนเร้นบนเทือกเขาแอนดีสในเปรู เมืองโบราณของชาวอินคาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 และถูกทิ้งร้างไปนานหลายศตวรรษ จนกลายเป็น "เมืองลับแล" ที่นักสำรวจชาติตะวันตกค้นพบอีกครั้งในปี 1911 การก่อสร้างด้วยก้อนหินขนาดมหึมาที่ถูกสลักอย่างแม่นยำและวางซ้อนกันโดยไม่ต้องใช้ปูน แสดงถึงความอัจฉริยะทางวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม และทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าชาวอินคาทำได้อย่างไรในสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากเช่นนี้ การยืนอยู่ท่ามกลางซากเมืองที่โอบล้อมด้วยขุนเขาอันเขียวชอุ่ม จะทำให้คุณรู้สึกถึงความสงบและพลังแห่งธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ได้อย่างแท้จริง

3.2 ชิเชนอิตซา มรดกแห่งชาวมายาอันทรงพลัง จากขุนเขา เราจะเดินทางสู่ผืนป่าทึบของคาบสมุทรยูกาตานในเม็กซิโก เพื่อค้นพบ ชิเชนอิตซา ศูนย์กลางอารยธรรมอันทรงพลังของชาวมายา พีระมิดกูกุลคาน หรือที่รู้จักในชื่อ "เอล กัสตีโย" คือหัวใจสำคัญของที่นี่ พีระมิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างแม่นยำทางดาราศาสตร์ จนในวันวสันตวิษุวัตและศารทวิษุวัต (ช่วงเปลี่ยนฤดู) เงาของตัวพีระมิดจะทอดตัวลงคล้ายกับงูยักษ์ที่กำลังเลื้อยลงจากบันได ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงความรู้ทางดาราศาสตร์อันลึกซึ้งของชาวมายา การได้เดินสำรวจบริเวณอื่นๆ เช่น สนามกีฬา Great Ball Court หรือวิหารนักรบ จะทำให้เราได้เห็นถึงความเชื่อ พิธีกรรม และความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมโบราณที่ยังคงส่งต่อเรื่องราวผ่านก้อนหินได้อย่างไม่น่าเชื่อ

3.3 รูปปั้นพระเยซูคริสต์ผู้ไถ่ สัญลักษณ์แห่งความศรัทธาที่โอบกอดเมืองรีโอเดจาเนโร การเดินทางของเราจะจบลงที่ความยิ่งใหญ่ของศรัทธา ณ ยอดเขาคอร์โควาโดในบราซิล รูปปั้นพระเยซูคริสต์ผู้ไถ่ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาและอ้าแขนออกกว้าง ราวกับกำลังโอบกอดเมืองรีโอเดจาเนโรที่อยู่เบื้องล่าง รูปปั้นพระเยซูสูงกว่า 30 เมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด มองลงมาเห็นวิวเมืองรีโอเดจาเนโรแบบพาโนรามา เป็นทั้งสัญลักษณ์ทางศาสนาและแลนด์มาร์กสำคัญของบราซิล รูปปั้นแบบอาร์ตเดโคนี้ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ทางศาสนา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสันติภาพ การต้อนรับ และความหวังที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จัก เมื่อได้ยืนอยู่ ณ จุดนี้และมองลงไปเบื้องล่าง คุณจะเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเมือง ภูเขา และชายหาดโคปาคาบานาที่ทอดตัวยาวออกไปสุดสายตา เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของทั้งธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นได้อย่างลงตัวที่สุด

3.4 นครเปตรา เมืองหินแกะสลักสีชมพูในทะเลทรายจอร์แดน เมืองโบราณแกะสลักบนหน้าผาหินทรายสีชมพู สร้างขึ้นโดยชาวนาบาเทียนเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน ไฮไลท์คือ “วิหารศักดิ์สิทธิ์เอลคาซเนห์” ที่โด่งดังจากภาพยนตร์ฮอลลีวูด ก่อนจะเข้าสู่นครโบราณแห่งนี้ คุณจะต้องเดินผ่าน "ซิก" (Siq) ซึ่งเป็นช่องแคบระหว่างหน้าผาหินทรายสูงชันที่ทอดยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตร เมื่อสิ้นสุดเส้นทางนั้นเอง คุณจะได้พบกับภาพที่ชวนตะลึงของ “อัล คาซเนห์” (The Treasury) หรือมหาวิหารที่ถูกแกะสลักขึ้นจากหน้าผาสีชมพูอันงดงามอย่างประณีต นครเปตรา คือผลงานของชาวนาบาเทียนที่สร้างเมืองนี้ขึ้นเมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว เพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าและที่พักอาศัยที่ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลทราย ความมหัศจรรย์ของที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่วิหารแห่งเดียว แต่ยังมีอาคาร สุสาน และสิ่งปลูกสร้างอีกมากมายที่ถูกสกัดเข้าไปในหินได้อย่างน่าทึ่ง นครเปตราจึงเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการเอาชนะธรรมชาติของมนุษย์ และเป็นเครื่องยืนยันถึงความงามที่ซ่อนเร้นอยู่ในดินแดนที่ดูเหมือนจะว่างเปล่า

3.5 ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ในอินเดีย สุสานหินอ่อนสีขาวที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิโชคฮาน เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักต่อพระมเหสีมุมตัซ มาฮาล ด้วยสถาปัตยกรรมอิสลามที่วิจิตรบรรจง ทำให้ที่นี่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โรแมนติกที่สุดในโลก ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานหินอ่อนสีขาวนวลที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนาในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิชาห์ จาฮาน เพื่อเป็นสุสานให้กับพระมเหสีที่รักยิ่ง "มุมตาซ มาฮาล" ความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบของอาคาร โดมอันโอ่อ่า และงานแกะสลักที่ประณีตด้วยการฝังอัญมณีล้ำค่ากว่า 28 ชนิด ทำให้ทัชมาฮาลไม่เป็นเพียงแค่สถาปัตยกรรม แต่เป็นบทกวีแห่งความรักที่ถูกเขียนขึ้นด้วยหินอ่อน การได้เห็นแสงตะวันในยามเช้าหรือยามเย็นสะท้อนบนพื้นผิวที่เปล่งประกายราวกับอัญมณี จะทำให้คุณรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของความรักที่ไม่เคยเลือนหายไปตามกาลเวลา

3.6 กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China), จีน ป้อมปราการยาวกว่า 21,000 กิโลเมตร ที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานในอดีต วันนี้กำแพงเมืองจีนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่และความพยายามของมนุษย์ นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปยังด่านต่าง ๆ จะได้ชมวิวภูเขาสุดอลังการ

3.7 ชิเชน อิทซา (Chichen Itza), เม็กซิโก นครโบราณของชาวมายา โด่งดังจากวิหารพีระมิดคุกุลคานที่สร้างขึ้นอย่างมีคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ชั้นสูง ทุกปีในวันวิษุวัต จะเกิดเงาพาดคล้ายงูเลื้อยลงบันไดพีระมิด

3.8 โคลอสเซียม (Colosseum), อิตาลี สนามกีฬากลางแจ้งขนาดมหึมาในกรุงโรม ที่สร้างขึ้นกว่า 2,000 ปีก่อน เคยใช้เป็นเวทีต่อสู้ของนักรบโรมันและสัตว์ป่า ปัจจุบันเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรวรรดิโรมันและจุดหมายในฝันของนักท่องเที่ยว

เราได้เดินทางผ่านกาลเวลาเพื่อสัมผัสกับเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในทุกยุคสมัย ตั้งแต่ปิรามิดโบราณที่คงความลึกลับ ไปจนถึงทัชมาฮาลที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวของความรัก สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ล้วนเป็นประจักษ์พยานถึงจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่น และความปรารถนาที่จะทิ้งมรดกไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง แม้บางแห่งจะเหลือเพียงแค่ในความทรงจำ แต่เรื่องราวของมันก็ยังคงอยู่เพื่อเตือนใจให้เราออกไปค้นหาความมหัศจรรย์รอบตัวต่อไป เพราะความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้น อาจอยู่ที่การเดินทางของเราเอง

สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ไม่ว่าจะเป็นฝีมือมนุษย์หรือธรรมชาติ ล้วนเป็นจุดหมายปลายทางในฝันที่ควรไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต การเดินทางไปเยือนสถานที่เหล่านี้ไม่เพียงทำให้เราได้เห็นความงดงาม แต่ยังทำให้ตระหนักถึงประวัติศาสตร์ ศรัทธา และพลังแห่งธรรมชาติที่หล่อหลอมโลกใบนี้ขึ้นมา .

----------------------- 

ที่มาข้อมูล

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward