เที่ยวจีน ส่านซี ซีอาน สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ (First Qin Emperor)

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ (First Qin Emperor)

google map https://maps.app.goo.gl/8zaSX53wh4ChEqPRA

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ซีอาน: มหัศจรรย์แห่งดินแดนจักรพรรดิผู้รวมแผ่นดิน ความลับใต้พิภพที่รอการเปิดเผย

ณ ใจกลางของมณฑลฉ่านซี ประเทศจีน มีมหานครโบราณแห่งซีอานตั้งตระหง่านอยู่ ดินแดนแห่งนี้ได้เก็บซ่อนความลับอันน่าพิศวงและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของมวลมนุษยชาติไว้ นั่นคือ "สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้" มรดกโลกที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ซึ่งเป็นมากกว่าเพียงสุสาน แต่คือจักรวาลย่อส่วนแห่งอาณาจักรจีนยุคแรกเริ่ม ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกล อำนาจอันไร้ขอบเขต และความเชื่อในชีวิตหลังความตายของจิ๋นซีฮ่องเต้ ปฐมจักรพรรดิผู้รวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียว การเดินทางสู่สุสานแห่งนี้ไม่ใช่แค่การเยือนสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แต่คือการผจญภัยย้อนเวลาสู่ยุคทองแห่งจักรวรรดิฉิน สัมผัสความเร้นลับของอารยธรรมโบราณที่ยังคงหลับใหลอยู่ใต้ผืนดิน รอคอยการเปิดเผยเรื่องราวที่ถูกจารึกไว้ด้วยเวลาสองพันกว่าปี

เมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ หัวใจจะเต้นระรัวด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งความทึ่งในความอลังการของโครงสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น ความสงสัยในสิ่งที่ยังคงถูกปกปิดอยู่ และความเคารพต่ออัจฉริยภาพและความมุ่งมั่นของจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจแห่งยุค ดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยมนต์ขลังที่ชวนให้จินตนาการถึงภาพกองทัพทหารดินเผาหลายพันนายที่เคยยืนหยัดอย่างองอาจในความมืดมิด รอคอยคำสั่งจากจักรพรรดิผู้เป็นนาย เพื่อปกป้องเขาในโลกหลังความตาย อากาศที่นี่อบอวลไปด้วยเรื่องเล่าขาน ตำนาน และเศษเสี้ยวของอารยธรรมที่เคยรุ่งโรจน์ ชวนให้ผู้มาเยือนได้ครุ่นคิดถึงความไม่จีรังของสรรพสิ่ง และความพยายามของมนุษย์ในการเอาชนะกาลเวลา

สุสานแห่งนี้เป็นพยานสำคัญที่ยืนยันถึงความก้าวหน้าทางวิศวกรรม ศิลปะ และปรัชญาของจีนโบราณ ทหารดินเผาแต่ละนายมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ทรงผม หรือชุดเกราะ สะท้อนถึงความปราณีตและทักษะช่างฝีมือในยุคนั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงรูปปั้น แต่คือบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกองทัพ อาวุธยุทโธปกรณ์ และวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยราชวงศ์ฉินอย่างละเอียดลออ การสำรวจดินแดนแห่งนี้จึงเป็นการเดินทางที่กระตุ้นทุกประสาทสัมผัส ทั้งสายตาที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ ความรู้สึกที่ได้สัมผัสถึงความเก่าแก่ และจิตใจที่ได้ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวแห่งอดีตอันน่าตื่นตาตื่นใจ

การเยือนสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้จึงเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่น เป็นการย้อนรอยอดีตที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์จีน เป็นการสำรวจโลกใต้พิภพที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และเป็นการสัมผัสถึงพลังแห่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิตชีวาแม้จะผ่านพ้นไปแล้วกว่าสองพันปี เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ ความตื่นเต้น และความประทับใจไม่รู้ลืม ที่จะพาคุณไปสัมผัสจิตวิญญาณแห่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ และความลับอันน่าทึ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนแผ่นดินซีอาน ดินแดนแห่งนี้รอคอยให้นักผจญภัยเช่นคุณมาค้นพบและชื่นชมความงามของอดีตกาลอันรุ่งโรจน์

Location & Geography

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ตั้งอยู่ในเขตหลินถง (Lintong District) ของเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี สาธารณรัฐประชาชนจีน สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์อย่างยิ่ง โดยตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองซีอานไปทางทิศตะวันออกประมาณ 30-40 กิโลเมตร ทำเลที่ตั้งนี้ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีตามหลักฮวงจุ้ยจีนโบราณ โดยอยู่บริเวณเชิงเขาหลีซานทางทิศเหนือ และหันหน้าไปทางแม่น้ำเว่ย ซึ่งถือเป็นชัยภูมิที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนชั่วนิรันดร์ของจักรพรรดิ

สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของสุสานเป็นมหานครใต้พิภพขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นให้เป็นจักรวาลย่อส่วนของอาณาจักรและพระราชวังของจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ สะท้อนผังเมืองของเมืองหลวงเสียนหยางในยุคราชวงศ์ฉินอย่างชัดเจน บริเวณสุสานมีลักษณะเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ล้อมรอบด้วยกำแพงสองชั้นที่วางตัวตามแนวเหนือ-ใต้ กำแพงเมืองชั้นในมีความยาวรอบวง 2.5 กิโลเมตร ในขณะที่กำแพงเมืองชั้นนอกมีความยาวรอบวง 6.3 กิโลเมตร สุสานหลักของจักรพรรดิอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองชั้นในและหันหน้าไปทางทิศตะวันออก

เนินสุสานหลัก ซึ่งเป็นภูเขาที่มนุษย์สร้างขึ้น เดิมมีความสูงประมาณ 100 เมตร แต่จากการสึกกร่อนตามธรรมชาติมากว่าสองพันปี ทำให้ปัจจุบันมีความสูงเหลือเพียงประมาณ 47-76 เมตร เนินดินแห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางของอาณาจักรใต้พิภพทั้งหมด และยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ ภายในบริเวณกำแพงเมืองชั้นในยังมีการค้นพบสำคัญอื่นๆ เช่น รถรบและม้าสำริด รวมถึงหุ่นดินเผารูปข้าราชบริพารและขุนนาง ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและความยิ่งใหญ่ของสุสานแห่งนี้ นอกจากนี้ พื้นที่ทั้งหมดของสุสานยังครอบคลุมอาณาเขตกว้างขวางถึง 56.25 ตารางกิโลเมตร ทำให้เป็นสุสานขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงรักษาสภาพสมบูรณ์ไว้ในประเทศจีน

ประวัติศาสตร์ของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ซีอาน ถือเป็นบทบันทึกอันยิ่งใหญ่ที่สะท้อนถึงการก่อกำเนิดของอาณาจักรจีนที่เป็นปึกแผ่นและวิสัยทัศน์อันเหนือล้ำของจิ๋นซีฮ่องเต้ ปฐมจักรพรรดิผู้รวมแผ่นดินจีน การก่อสร้างสุสานมหึมาแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 246 ปีก่อนคริสตกาล (หรือ 246 ปีก่อน พ.ศ.) ขณะที่จิ๋นซีฮ่องเต้ทรงขึ้นครองราชย์ในฐานะกษัตริย์แห่งรัฐฉินด้วยพระชนมายุเพียง 13 พรรษา โครงการอันทะเยอทะยานนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 38 ปี และแล้วเสร็จในปี 208 ปีก่อนคริสตกาล (หรือ 208 ปีก่อน พ.ศ.) ในรัชสมัยของจักรพรรดิฉินเอ้อร์ซื่อ (จักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์ฉิน)

บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่า การก่อสร้างสุสานแห่งนี้ต้องใช้แรงงานจำนวนมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักโทษและเชลยศึกกว่า 700,000 คน แรงงานเหล่านี้ถูกเกณฑ์มาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งก่อสร้างอันเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชีวิตหลังความตายของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นงานก่อสร้างขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่ออันลึกซึ้งของชาวจีนโบราณเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายและความจำเป็นในการเตรียมพร้อมสำหรับโลกหน้า

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์จีน ไม่ใช่แค่ในฐานะสุสานของจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของรัฐรวมศูนย์โดยมีจักรพรรดิเป็นผู้ปกครองสูงสุดในปี 221 ปีก่อนคริสตกาล (หรือ 221 ปีก่อน พ.ศ.) ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์จีนและวางรากฐานให้กับจักรวรรดิจีนที่รุ่งเรืองต่อเนื่องมาหลายศตวรรษ การออกแบบและผังเมืองของสุสานแห่งนี้ยังจำลองมาจากผังเมืองหลวงเสียนหยางของราชวงศ์ฉิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของจักรพรรดิที่จะรักษาอำนาจและอิทธิพลของพระองค์ไว้แม้ในโลกหลังความตาย

แม้สุสานหลักที่บรรจุพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ยังไม่เคยถูกเปิดออก แต่การค้นพบครั้งประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517) โดยเกษตรกรท้องถิ่น ได้เผยให้เห็นกองทัพทหารดินเผา (Terracotta Army) อันโด่งดังระดับโลก ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเนินสุสาน การค้นพบนี้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก และนำไปสู่การขุดค้นทางโบราณคดีครั้งใหญ่ที่ยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน กองทัพดินเผาแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ทางศิลปะ แต่ยังเป็นหลักฐานอันล้ำค่าที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างกองทัพ อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคนิคการผลิตของช่างฝีมือในยุคราชวงศ์ฉิน

ด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และโบราณคดีที่ไม่มีใครเทียบได้ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้และกองทัพทหารดินเผาจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) นับแต่นั้นมา สุสานแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของจีน ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมและสัมผัสความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมโบราณ การเปิดพิพิธภัณฑ์รถรบและม้าสำริดในปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ยังเป็นการเสริมสร้างคุณค่าและประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้มาเยือนอีกด้วย ทำให้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ยังคงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าทึ่งที่รอคอยการสำรวจอย่างไม่รู้จบ

Legend & Significance

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างทางกายภาพ แต่ยังเต็มไปด้วยตำนานและความเชื่ออันลึกซึ้งที่สะท้อนถึงโลกทัศน์และปรัชญาของชาวจีนโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายและอำนาจของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ตำนานที่โดดเด่นที่สุดคือเรื่องราวของ "จักรวาลใต้พิภพ" ที่จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงสร้างขึ้น เพื่อเป็นอาณาจักรคู่ขนานในปรโลก ซึ่งจำลองมาจากอาณาจักรจริงของพระองค์อย่างสมบูรณ์แบบ บันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวถึงพระราชวังจำลอง ศาลา โรงงาน และสำนักงานต่างๆ ภายใต้ผืนดิน รวมถึงเพดานที่ประดับด้วยดวงดาวและกลุ่มดาวที่ส่องประกายระยิบระยับเสมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่ ขณะที่แม่น้ำปรอทไหลเวียนเสมือนแม่น้ำจริงในอาณาจักรของพระองค์ ซึ่งเป็นกลไกที่ซับซ้อนและน่าทึ่งในยุคนั้น

ความสำคัญทางสถาปัตยกรรมของสุสานแห่งนี้ก็ไม่เป็นรองใคร เนินสุสานหลักเดิมสูงประมาณ 100 เมตร และปัจจุบันลดลงเหลือ 47-76 เมตร จากการสึกกร่อนตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นภูเขาที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างตั้งใจ สุสานทั้งหมดยังถูกออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย โดยตั้งอยู่ระหว่างภูเขาหลีซานทางทิศใต้และแม่น้ำเว่ยทางทิศเหนือ ซึ่งถือเป็นทำเลศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาซึ่งความร่มเย็นและอำนาจนิรันดร์ ผังของสุสานโดยรวมสะท้อนผังเมืองหลวงเสียนหยางของราชวงศ์ฉินอย่างละเอียดลออ มีกำแพงเมืองชั้นในและชั้นนอกล้อมรอบ ซึ่งแสดงถึงการวางแผนที่ยิ่งใหญ่และแม่นยำ กำแพงล้อมรอบพระราชวังใต้ดินซึ่งเชื่อกันว่าสูงถึง 4 เมตร สร้างด้วยอิฐ ซึ่งบ่งบอกถึงเทคโนโลยีและทักษะการก่อสร้างที่ก้าวหน้าอย่างมากในยุคนั้น

ในเชิงวัฒนธรรม สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะแหล่งข้อมูลเชิงสารคดีที่ไม่มีใครเทียบได้ กองทัพทหารดินเผาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดของสุสาน ไม่ได้เป็นเพียงรูปปั้น แต่เป็นงานประติมากรรมแบบสัจนิยมที่มีความสมจริงอย่างน่าอัศจรรย์ ทหารแต่ละนายมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ทรงผม และชุดเกราะที่แตกต่างกันไป สะท้อนถึงภูมิภาคและเชื้อชาติที่หลากหลายภายในกองทัพฉินในยุคนั้นได้อย่างละเอียดลออ อาวุธยุทโธปกรณ์ ม้า และแม้กระทั่งบังเหียนม้า ล้วนถูกแกะสลักอย่างพิถีพิถัน ทำให้เราได้เห็นภาพที่ชัดเจนของกองทัพและเทคโนโลยีทางการทหารเมื่อสองพันกว่าปีก่อน สิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องแบบ อาวุธยุทโธปกรณ์ และแม้กระทั่งเทคนิคการผลิตเครื่องปั้นดินเผาและงานสำริดในยุคนั้น

สุสานแห่งนี้ยังเป็นพยานถึงความทะเยอทะยานอันไร้ขีดจำกัดของจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่ทรงมุ่งมั่นที่จะรักษาอำนาจและระเบียบแบบแผนของพระองค์ไว้แม้หลังจากที่ทรงสวรรคตไปแล้ว การก่อสร้างสุสานที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อนนี้เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิและความปรารถนาที่จะปกครองโลกหลังความตาย ดินแดนแห่งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงสุสาน แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่า ซึ่งเปิดหน้าต่างให้เราได้มองย้อนกลับไปสู่ยุคเริ่มต้นของจักรวรรดิจีน ทำความเข้าใจความคิด ความเชื่อ และความสำเร็จของอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกได้อย่างลึกซึ้ง

Highlights & Points of Interest

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ซีอาน เป็นแหล่งรวมความมหัศจรรย์ทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งมีจุดเด่นหลายแห่งที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาดชม แต่ละส่วนของสุสานล้วนบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันและสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิผู้รวมแผ่นดินจีน

กองทัพทหารดินเผา (Terracotta Army)

กองทัพทหารดินเผาเป็นไฮไลต์ที่โดดเด่นที่สุดและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเนินสุสานหลัก การค้นพบในปี 1974 ถือเป็นการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์และโบราณคดี กองทัพดินเผานี้ประกอบด้วยหุ่นทหารดินเผาขนาดเท่าคนจริง ม้า และรถรบสำริดกว่า 8,000 นาย ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นกองทัพพิทักษ์จักรพรรดิในโลกหลังความตาย ความละเอียดอ่อนและสมจริงของหุ่นเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง แต่ละนายมีใบหน้า ทรงผม และชุดเกราะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทักษะและความปราณีตของช่างฝีมือในยุคราชวงศ์ฉินได้อย่างชัดเจน ไม่มีหุ่นตัวใดเหมือนกันเป๊ะ ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางกองทัพจริงที่พร้อมออกศึก

ภายในพิพิธภัณฑ์มีหลุมขุดค้นหลักสามหลุม (Pit 1, Pit 2, Pit 3) หลุมที่ 1 เป็นหลุมที่ใหญ่ที่สุดและน่าประทับใจที่สุด ด้วยจำนวนทหารดินเผาหลายพันนายที่ยืนเรียงรายเป็นแถวเป็นแนวอย่างเป็นระเบียบ สร้างความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และพลังอำนาจที่ไม่อาจลืมเลือนได้ หลุมที่ 2 และ 3 แม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็จัดแสดงรูปแบบการจัดทัพที่แตกต่างกัน รวมถึงทหารม้า ทหารรถรบ และนายพล ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดระเบียบของกองทัพฉิน นอกจากนี้ ยังมีห้องจัดแสดงนิทรรศการที่รวบรวมวัตถุโบราณที่ค้นพบอื่นๆ เช่น อาวุธและเครื่องใช้ต่างๆ ที่ช่วยให้เข้าใจถึงวิถีชีวิตและเทคโนโลยีในยุคนั้นได้ดียิ่งขึ้น การเดินสำรวจแต่ละหลุมจะพาคุณย้อนเวลาไปสู่ยุคโบราณและสัมผัสถึงความทะเยอทะยานของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

เนินสุสานหลัก (Lishan Garden)

เนินสุสานหลักเป็นหัวใจของมหานครใต้พิภพแห่งนี้ และยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่ได้รับการขุดค้น เนินดินที่เคยมีความสูงถึง 100 เมตรนี้ ปัจจุบันมีความสูง 47-76 เมตร และตั้งอยู่เป็นจุดศูนย์กลางของพื้นที่ทั้งหมด แม้จะยังไม่มีการขุดค้นภายในห้องสุสานหลัก แต่ตำนานและบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้บรรยายถึงความอลังการภายในว่ามีพระราชวังจำลอง แม่น้ำปรอท และเพดานที่จำลองท้องฟ้ายามค่ำคืนประดับด้วยดวงดาว เชื่อกันว่าภายในห้องสุสานยังคงเก็บรักษาสมบัติล้ำค่าและพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ไว้ และอาจมีกลไกกับดักอันซับซ้อนเพื่อป้องกันผู้บุกรุก

การเดินชมบริเวณรอบๆ เนินสุสานหลัก หรือที่เรียกว่า Lishan Garden จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความสงบและร่มรื่นของสถานที่ ในขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนดิน แม้จะยังไม่สามารถเข้าไปภายในสุสานได้ แต่การยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ทำให้เราได้จินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจและอาณาจักรใต้พิภพที่รอคอยการเปิดเผย การเยี่ยมชมส่วนนี้เป็นการเติมเต็มประสบการณ์ให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เชื่อมโยงกับเรื่องราวของกองทัพทหารดินเผาที่ยืนหยัดอยู่ไม่ไกล เพื่อปกป้องเจ้านายของตนชั่วนิรันดร์

พิพิธภัณฑ์รถรบและม้าสำริด (Bronze Chariots and Horses Museum)

พิพิธภัณฑ์รถรบและม้าสำริดเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งเปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ. 2021 รถรบและม้าสำริดที่จัดแสดงอยู่นี้ถูกขุดพบใกล้กับเนินสุสานหลัก และได้รับการยกย่องว่าเป็น "มงกุฎแห่งงานสำริด" (the Crown of Bronzes) เนื่องจากขนาดที่ใหญ่ โครงสร้างที่ซับซ้อน และสภาพการอนุรักษ์ที่ยอดเยี่ยม รถรบเหล่านี้เป็นงานศิลปะที่มีความปราณีตอย่างเหลือเชื่อ แสดงถึงเทคโนโลยีการหล่อสำริดขั้นสูงในยุคราชวงศ์ฉินได้อย่างชัดเจน

ภายในพิพิธภัณฑ์ ผู้เข้าชมจะได้เห็นรถรบจำลองขนาดเท่าของจริง พร้อมด้วยม้าสำริดสี่ตัวที่ลากจูงรถ และรูปปั้นคนขับรถ ซึ่งทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ อุปกรณ์ควบคุม และแม้แต่ลวดลายบนตัวม้า สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องแสดงถึงความมั่งคั่งและอำนาจของจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับยานพาหนะและการเดินทางในยุคโบราณของจีน ถือเป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่ช่วยเติมเต็มภาพความยิ่งใหญ่ของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้และอัจฉริยภาพของอารยธรรมฉินได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ซีอาน คือการเดินทางสู่หัวใจของประวัติศาสตร์จีนอันรุ่งโรจน์ เป็นประสบการณ์ที่เหนือกว่าการเยี่ยมชมสถานที่โบราณธรรมดา แต่เป็นการผจญภัยที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจและเปี่ยมด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ เมื่อได้ยืนอยู่ท่ามกลางกองทัพทหารดินเผาที่ยืนหยัดอย่างสง่างาม คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจและความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิผู้รวมแผ่นดินจีน และความปราณีตของศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อสองพันกว่าปีก่อน ทุกรายละเอียดของหุ่นทหารแต่ละนาย ทุกเส้นทางที่นำไปสู่เนินสุสานที่ยังคงเป็นปริศนา ล้วนกระตุ้นจินตนาการและเชื้อเชิญให้เราดำดิ่งสู่เรื่องราวของอดีตกาลอันเรืองรอง

การเดินทางครั้งนี้เป็นมากกว่าการสำรวจโบราณวัตถุ แต่เป็นการเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณแห่งอารยธรรมที่เคยรุ่งโรจน์ สุสานแห่งนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่ธรรมดา และความเชื่อในชีวิตหลังความตายที่ขับเคลื่อนให้เกิดงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ ตั้งแต่ผังเมืองจำลองของจักรวรรดิจนถึงความสมจริงของทหารดินเผา สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้คือบทกวีแห่งประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ใต้ผืนดิน รอคอยให้ผู้มาเยือนได้มาสัมผัสและชื่นชมความมหัศจรรย์ของมัน การได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้จึงเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่สร้างความประทับใจและความซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้ง ที่จะคงอยู่ในความทรงจำไปตราบนานเท่านาน เป็นการเดินทางที่ทำให้เราเข้าใจถึงรากเหง้าของอารยธรรมจีน และตระหนักถึงคุณค่าของมรดกโลกที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้สำหรับคนรุ่นหลังอย่างแท้จริง

-------------------------

ที่มา

รวบรวมข้อมูลและรูป

- www.iok2u.com

-------------------------

ดูเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่

เที่ยวจีน (Travel China)

เที่ยวรอบโลก (World Travel)

รวมเรื่องราวการท่องเที่ยว iok2u

-----------------------

ชมอัลปั้มภาพเพิ่มเติมที่