ประวัติเมืองหลวงโบราณ ไคเฟิง (Kaifeng) เมืองหลวงแห่งราชวงศ์ซ่ง จุดบรรจบของวัฒนธรรมจีนและความหลากหลายทางศาสนา
กำเนิดเมืองไคเฟิงศูนย์กลางยุทธศาสตร์บนที่ราบลุ่มแม่น้ำฮวงโห เมืองไคเฟิง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำฮวงโห (Yellow River) ในมณฑลเหอหนาน (Henan) ทางภาคกลางของจีน มีลักษณะภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ น้ำไหลสะดวก และอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะแก่การคมนาคม ทำให้มีมนุษย์ตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ยุคโบราณ ในสมัยราชวงศ์โจว ไคเฟิง ยังเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ ต่อมาถูกพัฒนาเรื่อยมาจนมีบทบาทในยุคราชวงศ์ต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการคมนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคลองขุดสายใหญ่ (Grand Canal) ได้เชื่อมเมืองนี้เข้ากับเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
ไคเฟิงในยุคราชวงศ์ฮั่นและจิ้นเมืองชายขอบที่ค่อยๆ เติบโตในยุคราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty) ไคเฟิงเป็นเมืองหน้าด่านและเมืองการค้าขนาดกลางในแถบภาคกลางของจีน ต่อมาในยุค ราชวงศ์จิ้น (Jin Dynasty) และช่วงสงครามห้าราชวงศ์ (Five Dynasties) เมืองไคเฟิงเริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยเป็นที่ตั้งของกองทัพและศูนย์กลางของกิจกรรมทางการเมืองในบางช่วง ราชวงศ์เป่าหลีวั่ง (Later Liang) ถึงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร: จุดเริ่มต้นของความเป็นเมืองหลวง ในช่วง ยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (Five Dynasties and Ten Kingdoms, ค.ศ. 907–960) หลังราชวงศ์ถังล่มสลาย เมืองไคเฟิงกลายเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์หลายราชวงศ์ที่สถาปนาใหม่ในภาคเหนือ เช่น ราชวงศ์เหลียงตอนปลาย (Later Liang) ราชวงศ์จิ้นตอนหลัง (Later Jin) ราชวงศ์ฮั่นตอนหลัง (Later Han) ราชวงศ์โจวตอนหลัง (Later Zhou) ทำให้ไคเฟิงเริ่มพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านโครงสร้างเมือง กำแพงป้องกัน การค้า และวัฒนธรรม
ราชวงศ์ซ่งเหนือยุคทองของไคเฟิงในฐานะมหานครหลวง ในปี ค.ศ. 960 จักรพรรดิไท่จู่ (Taizu) ได้สถาปนา ราชวงศ์ซ่ง (Song Dynasty) และเลือกไคเฟิงเป็นเมืองหลวงหลักของ ราชวงศ์ซ่งเหนือ (Northern Song, ค.ศ. 960–1127) โดยใช้ชื่อว่า เปียนจิง (Bianjing) หรือ โต๋โต๋ (Dongjing) ไคเฟิงในยุคนี้เจริญรุ่งเรืองสูงสุด กลายเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น ประชากรกว่า 1 ล้านคน มีระบบระบายน้ำชั้นสูง มีการค้าขายทั้งในและนอกประเทศ มีตลาดกลางคืน ถนนสายบันเทิง และย่านศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรมและจิตรกรรมเจริญรุ่งเรือง เช่น ภาพวาดระดับตำนาน “Along the River During the Qingming Festival” ที่ถ่ายทอดชีวิตประจำวันของไคเฟิงได้อย่างงดงาม
การล่มสลายการรุกรานของชนเผ่าจินและการเสื่อมถอย ในปี ค.ศ. 1127 กองทัพ ราชวงศ์จิน (Jin Dynasty) ซึ่งเป็นชนเผ่าหนี่เจินจากทางเหนือ บุกยึดไคเฟิงได้ในเหตุการณ์ที่เรียกว่า "เหตุการณ์จิ่งคัง" (Jingkang Incident) จักรพรรดิซ่งและราชวงศ์ถูกจับตัวไป ราชวงศ์ซ่งต้องล่าถอยไปตั้งเมืองหลวงใหม่ที่หางโจว กลายเป็น ราชวงศ์ซ่งใต้ (Southern Song) ไคเฟิงกลายเป็นเมืองใต้การปกครองของชาวจิน แม้ยังคงความสำคัญ แต่ไม่อาจทวงคืนความรุ่งเรืองในฐานะเมืองหลวงได้อีก
ไคเฟิงในยุคราชวงศ์หยวนหมิงและชิงเมืองระดับรองที่ยังมีบทบาททางศาสนาและวัฒนธรรม ในยุคราชวงศ์หยวน (Yuan Dynasty) และต่อมาในยุค หมิง และ ชิง ไคเฟิงไม่ได้เป็นเมืองหลวงอีกต่อไป แต่ยังคงมีบทบาทเป็นเมืองเอกของมณฑลเหอหนาน และเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่มีชุมชนชาวยิวและมุสลิมโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในจีน มี “ไคเฟิงยิว (Kaifeng Jews)” ซึ่งเป็นชาวยิวที่มาตั้งรกรากตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง ยังเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธ เต๋า และลัทธิขงจื๊อ
ไคเฟิงในยุคปัจจุบัน ปัจจุบันไคเฟิงเป็นเมืองขนาดกลางในมณฑลเหอหนาน ที่ยังคงรักษาร่องรอยของอดีตไว้อย่างงดงาม มีการฟื้นฟูโบราณสถาน เช่น กำแพงเมืองโบราณ, พระราชวังไคเฟิง, ศาลไคฟงของเปาเจิ่ง เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ราชวงศ์ซ่ง มีเทศกาลประจำปี เช่น เทศกาลชิงหมิงย้อนยุค ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ
ไคเฟิง เป็นเมืองที่สะท้อนความรุ่งเรืองของราชวงศ์ซ่งอย่างชัดเจน ทั้งด้านการปกครอง วัฒนธรรม การค้า และศิลปะ แม้บทบาทในฐานะเมืองหลวงจะสิ้นสุดลง แต่ไคเฟิงยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งทางประวัติศาสตร์จีน และเป็นหนึ่งในสี่เมืองหลวงโบราณที่คนจีนภูมิใจ
การมาเยือนไคเฟิงจึงเปรียบเสมือนการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ยุคทองของจีน ที่ยังคงลมหายใจอยู่ในยุคปัจจุบัน
.
-------------------------
ที่มา
-
รวบรวมข้อมูลและรูป
-------------------------
ดูเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่
-------------------------