iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ
มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
 
เที่ยวจีน เมืองราชธานีโบราณ และยุคราชวงศ์ของ จีน (Ancient Capital and Dynasty Era)

 

ประวัติของเมืองราชธานีโบราณ และยุคราชวงศ์ของ จีน (Ancient Capital and Dynasty Era) "ย้อนรอยประวัติศาสตร์ผ่านมหานครแห่งอารยธรรมจีน"

ประวัติศาสตร์จีนผ่านเมืองหลวงโบราณ จีน...หนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของโลก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี เมืองหลวงแต่ละแห่งไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการปกครองเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และศิลปะที่ส่งต่ออิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน การศึกษาประวัติของเมืองหลวงต่าง ๆ ของจีนจึงเปรียบเสมือนการเดินทางย้อนเวลาเพื่อเข้าใจรากฐานแห่งโลกตะวันออกที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่ง

ประวัติศาสตร์จีนผ่านเมืองหลวงโบราณ ทำไมปักกิ่งจึงกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจของจีน ทั้งๆ ที่จีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 - 5,000 ปี ประวัติศาสตร์เมืองหลวงของจีน แผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลได้เป็นพยานถึงความเจริญรุ่งเรือง และความเสื่อมถอยของราชวงศ์นับไม่ถ้วน โดยมีเมืองหลวงเป็นศูนย์กลางอำนาจในการกำหนดทิศทางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าสี่พันปี การทำความเข้าใจถึงการเคลื่อนย้ายและการเปลี่ยนแปลงของเมืองหลวงเหล่านี้ คือ การเปิดหน้าต่างสู่พลวัตทางวัฒนธรรม การเมือง และภูมิศาสตร์ที่หล่อหลอมชาติจีนมาจนถึงปัจจุบัน

จีนมีเมืองหลวงที่หลากหลายตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน กระจายตัวตั้งแต่บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองจนถึงภาคกลางของประเทศ ปัจจุบันเมืองหลวงของจีนคือ กรุงปักกิ่ง (Beijing) ตลอดระยะเวลากว่าสามพันปี จีนมีการเปลี่ยนแปลงเมืองหลวงหลายครั้งตามการเปลี่ยนราชวงศ์และเหตุการณ์ทางการเมือง เมืองหลวงที่สำคัญได้แก่:

ตารางสรุปข้อมูลช่วงเวลา เมืองหลวงในแต่ละราชวงศ์ 

ราชวงศ์ ชื่อเมืองหลวง ช่วงเวลา (ค.ศ.) ระยะเวลา (ปี)
เซี่ย (Xia) เอ๋อร์ลี่โต้ว (Erli-tou) 2070–1600 ก่อน คศ. ประมาณ 470
ซาง (Shang) อันหยาง (Anyang) 1600–1046 ก่อน คศ. ประมาณ 554
ฉิน (Qin) เสียนหยาง (Xianyang) 221–206 ก่อน คศ. 15 ปี
ฮั่นตะวันตก (Western Han) ฉางอัน (Chang'an) 202 ก่อน คศ.  ประมาณ 211
ฮั่นตะวันออก (Eastern Han) ลั่วหยาง (Luoyang) 25–220 หลัง คศ. 195 ปี
ง่อก๊ก (Wu - สามก๊ก) เจี้ยนเย่ (Jianye, ปัจจุบันหนานจิง) 229–280 51 ปี
จิ้นตะวันตก (Western Jin) ลั่วหยาง (Luoyang) 265–316 51 ปี
จิ้นตะวันออก (Eastern Jin) เจี้ยนคัง (Jiankang,ปัจจุบันหนานจิง) 317–420 103 ปี
สุย (Sui) ต้าเสี้ยน(Daxian) - ฉางอัน (Chang'an) 581–605 ประมาณ 24 ปี
ถัง (Tang) ฉางอัน (Chang'an) 618–907 289 ปี
ซ่งเหนือ (Northern Song) ไคเฟิง (Kaifeng) 960–1127 167 ปี
จิน (Jin - ชนชาติจูร์เจิน) ไคเฟิง / ปักกิ่งช่วงปลาย 1127–1234 107 ปี
หยวน (Yuan) ต้าตู (Dadu, ปักกิ่ง) 1271–1368 97 ปี
หมิง (Ming) (ต้นราชวงศ์) หนานจิง (Nanjing) 1368–1421 53 ปี
หมิง (Ming) (ปลายราชวงศ์) ปักกิ่ง (Beijing) 1421–1644 223 ปี
ชิง (Qing) ปักกิ่ง (Beijing) 1644–1912 268 ปี
สาธารณรัฐจีน (Republic of China) หนานจิง (Nanjing) (สมัยสาธารณรัฐจีน) 1912–1949 37 ปี

สาธารณรัฐประชาชนจีน

(People's Republic of China)

ปักกิ่ง (Beijing) 1949–ปัจจุบัน ต่อเนื่อง (70+ ปี)

1. ราชวงศ์เซี่ย (Xia Dynasty) (ประมาณ 2070 - 1600 ปีก่อนคริสตกาล) 

ราชวงศ์เซี่ย ถือเป็นราชวงศ์แรกตามประวัติศาสตร์จีนดั้งเดิม แม้ว่าหลักฐานทางโบราณคดีที่ยืนยันการมีอยู่ของราชวงศ์นี้โดยตรงยังคงเป็นที่ถกเถียง แต่ตำนานและบันทึกในยุคหลังได้กล่าวถึงการก่อตั้งรัฐ การพัฒนาการเกษตร และการปกครองแบบสืบทอด เอ๋อร์ลี่โต้ว (Erli-tou) เชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางอำนาจแห่งแรกของจีนยุคโบราณ แม้จะยังเป็นเมืองโบราณที่มีโบราณสถานเพียงบางส่วน แต่ได้วางรากฐานวัฒนธรรมจีนที่ยังคงสืบต่อมาถึงปัจจุบัน

เมืองหลวงของราชวงศ์เซี่ย ยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการเปลี่ยนแปลงไปตามผู้ปกครอง นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีเสนอแนะเมืองต่างๆ เช่น หยางเฉิง (Yangcheng) และ เจิ้นสุน (Zhenxun) ซึ่งเชื่อว่าเป็นศูนย์กลางอำนาจในช่วงต่างๆ ของราชวงศ์เซี่ย เนื่องจากยังไม่มีการขุดค้นทางโบราณคดีที่ให้หลักฐานชัดเจน เมืองหลวงของเซี่ยจึงยังคงเป็นประเด็นที่ต้องศึกษาต่อไป

2. ราชวงศ์ซาง (Shang Dynasty) (ประมาณ 1600 - 1046 ปีก่อนคริสตกาล) 

ราชวงศ์ซาง เป็นราชวงศ์แรกที่มีหลักฐานทางโบราณคดีที่ชัดเจน สนับสนุนโดยการค้นพบจารึกบนกระดูกเสี่ยงทาย (oracle bones) ซึ่งบันทึกเรื่องราวทางการเมือง ศาสนา และสังคม ยุคซางมีความก้าวหน้าทางด้านสำริด การเขียน และการจัดระเบียบสังคมแบบชนชั้น 

เมืองหลวงราชวงศ์ซาง มีการย้ายเมืองหลวงหลายครั้ง แต่เมืองหลวงที่สำคัญที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ ยินซู (Yinxu) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอันหยาง (Anyang) ในปัจจุบัน เมืองหลวงแห่งแรกที่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษร ยินซูเป็นศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่ มีพระราชวัง วัด และสุสานขนาดใหญ่ พบจารึกกระดูกสัตว์และเต่าพยากรณ์ ซึ่งเป็นรากฐานของอักษรจีนในปัจจุบัน การขุดค้นที่ยินซูได้เปิดเผยโบราณวัตถุล้ำค่ามากมายที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของยุคซาง

3. ราชวงศ์ฉิน (Qin Dynasty) (221 - 206 ปีก่อนคริสตกาล)

ราชวงศ์ฉิน มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของ ฉินสื่อหวงตี้ จักรพรรดิองค์แรกของจีน ในสมัยจักรพรรดิฉินสื่อหวง (จิ๋นซีฮ่องเต้) ได้รวมจีนเป็นปึกแผ่นและใช้เสียนหยางเป็นเมืองหลวงหลัก มีการสร้างระบบการปกครองแบบรวมศูนย์ การใช้มาตรฐานเดียวกันด้านกฎหมาย สกุลเงิน มาตราชั่งตวงวัด และตัวอักษร นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อป้องกันการรุกรานจากทางเหนือ แม้ว่าราชวงศ์จะอยู่ได้ไม่นาน แต่ได้วางรากฐานสำคัญสำหรับการปกครองของจีนในยุคต่อมา ปรากฏร่องรอยสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ เช่น สุสานทหารดินเผา เสียนหยาง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอันยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความรุ่งเรืองของเสียนหยางนั้นสั้นนัก เมื่อราชวงศ์ฉินล่มสลายลง 

เมืองหลวงของราชวงศ์ฉิน คือ เสียนหยาง (Xianyang) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองซีอานในปัจจุบัน เสียนหยางเป็นศูนย์กลางอำนาจที่โอ่อ่า มีพระราชวังและสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิฉิน อย่างไรก็ตาม เมืองหลวงแห่งนี้ถูกทำลายลงหลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ฉิน

4. ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (Western Han Dynasty) (206 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 25)

ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ก่อตั้งโดย หลิวปัง (จักรพรรดิฮั่นเกาจู่) หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ฉิน ยุคฮั่นตะวันตกเป็นช่วงเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการขยายอาณาเขต มีการพัฒนาลัทธิขงจื๊อให้เป็นอุดมการณ์ของรัฐ การค้าตามเส้นทางสายไหมเริ่มเฟื่องฟู และมีการประดิษฐ์กระดาษ

เมืองหลวงของราชวงศ์ฮั่นตะวันตก คือ ฉางอาน (Chang'an) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเมืองซีอานในปัจจุบัน ฉางอานในยุคฮั่นตะวันตกเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม มีประชากรจำนวนมากและเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางและพ่อค้าจากทั่วโลก

5. ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (Eastern Han Dynasty) (ค.ศ. 25 - 220)

ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เริ่มต้นขึ้นเมื่อ หลิวซิ่ว (จักรพรรดิฮั่นกวังอู่) ฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นหลังจากช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย แม้ว่าในช่วงต้นจะมีความเจริญรุ่งเรือง แต่ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกเริ่มอ่อนแอลงจากการแทรกแซงของขันทีและการกบฏต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายและการแบ่งแยกเป็นสามก๊ก

เมืองหลวงของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก คือ ลั่วหยาง (Luoyang) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของฉางอาน ลั่วหยางในยุคฮั่นตะวันออกยังคงเป็นเมืองสำคัญทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ แต่ความสำคัญทางการเมืองค่อยๆ ลดลงเมื่อเทียบกับฉางอานในยุคฮั่นตะวันตก

6. ง่อก๊ก (Wu - Three Kingdoms) (ค.ศ. 222 - 280)

ง่อก๊กเป็นหนึ่งในสามก๊ก ที่ก่อตั้งขึ้นหลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ตั้งอยู่ในภูมิภาคทางใต้ของจีน มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาการเดินเรือและการค้าทางทะเล เมื่อจีนแตกออกเป็นสามก๊ก แต่ละก๊กต่างก็มีเมืองหลวงของตนเอง ได้แก่ สี่ตู ของวุยก๊ก, เจี้ยนเยี่ย (หนานจิง Nanjing) หลายราชวงศ์ (สามก๊ก, จิ้นตะวันออก, ห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร)  ของง่อก๊ก และ เฉิงตู ของจ๊กก๊ก การปรากฏตัวของเมืองหลวงหลายแห่งสะท้อนถึงความแตกแยกทางการเมืองในยุคนั้น เป็นเมืองหลวงในยุคสมัยของสามก๊ก (โดยเฉพาะก๊กง่อก๊ก) และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การรวมชาติในสมัยราชวงศ์หมิง

เมืองหลวงของง่อก๊ก คือ เจี้ยนเยี่ย (Jianye) ซึ่งปัจจุบันคือเมืองนานกิง (Nanjing) เจี้ยนเยี่ยเป็นศูนย์กลางการปกครองและเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคทางใต้

7. ราชวงศ์จิ้นตะวันตก (Western Jin Dynasty) (ค.ศ. 266 - 316)

ราชวงศ์จิ้นตะวันตก ก่อตั้งโดย สุมาเหยียน (จักรพรรดิจิ้นอู่) ซึ่งสามารถรวมแผ่นดินจีนที่แตกแยกเป็นสามก๊กได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ความอ่อนแอภายในและการรุกรานของชนเผ่าทางเหนือ (ห้าชนเผ่า) นำไปสู่ความวุ่นวายและการล่มสลายของราชวงศ์จิ้นตะวันตก

เมืองหลวงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก คือ ลั่วหยาง (Luoyang) ในช่วงแรก และต่อมาได้ย้ายไปยัง ฉางอาน (Chang'an) ก่อนที่จะถูกยึดครองโดยชนเผ่าทางเหนือ

8. ราชวงศ์จิ้นตะวันออก (Eastern Jin Dynasty) (ค.ศ. 317 - 420)

ราชวงศ์จิ้นตะวันออก ก่อตั้งโดยเชื้อสายของราชวงศ์จิ้นตะวันตก ที่อพยพลงใต้หลังจากภาคเหนือถูกชนเผ่าทางเหนือยึดครอง แม้ว่าจะควบคุมพื้นที่ทางใต้ แต่ก็ต้องเผชิญกับการรุกรานจากทางเหนืออย่างต่อเนื่อง ยุคนี้มีความสำคัญในการอนุรักษ์วัฒนธรรมจีนดั้งเดิมในภาคใต้ ยุคราชวงศ์จิ้น  หลังจากการรวมประเทศอีกครั้งภายใต้ เมืองหลวงได้ย้ายไปมาระหว่าง ลั่วหยาง และ ฉางอาน ก่อนที่จะลงใต้ไปยัง เจี้ยนเยี่ย (นานกิง) ซึ่งกลายเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์จิ้นตะวันออกและราชวงศ์ใต้ต่อมา การย้ายเมืองหลวงลงใต้สะท้อนถึงการอพยพของประชากรและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม

เมืองหลวงของราชวงศ์จิ้นตะวันออก คือ เจี้ยนคัง (Jiankang) ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของเจี้ยนเยี่ย (นานกิง) เจี้ยนคังกลายเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมที่สำคัญในภาคใต้

9. ราชวงศ์สุย (Sui Dynasty) (ค.ศ. 581 - 618)

ราชวงศ์สุย มีความสำคัญในการรวมแผ่นดินจีนที่แตกแยกมาเป็นเวลานานอีกครั้งภายใต้การปกครองที่เข้มแข็ง มีการก่อสร้างคลองขนาดใหญ่ (Grand Canal) เพื่อเชื่อมโยงภาคเหนือและภาคใต้ และมีการปรับปรุงระบบการบริหาร อย่างไรก็ตาม การปกครองที่เข้มงวดและการทำสงครามที่ไม่ประสบความสำเร็จนำไปสู่การล่มสลายอย่างรวดเร็ว

เมืองหลวงของราชวงศ์สุย คือ ต้าซิงเฉิง (Daxingcheng) ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นฉางอานในยุคราชวงศ์ถัง และ ลั่วหยาง (Luoyang) ก็มีความสำคัญในฐานะเมืองหลวงรอง

10. ราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty) (ค.ศ. 618 - 907)

ราชวงศ์ถังถือเป็นยุคทองยุคหนึ่งของจีน มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ศิลปะ และเทคโนโลยี อาณาเขตขยายใหญ่ไพศาล มีการค้ากับต่างชาติอย่างกว้างขวาง และวัฒนธรรมถังมีอิทธิพลอย่างมากต่อเอเชียตะวันออก ยุคราชวงศ์ถัง จีนกลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง และ ฉางอาน ก็กลับมาเป็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ยุคถังถือเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์จีน และฉางอานได้กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมนานาชาติและการค้าที่เฟื่องฟู

เมืองหลวงหลักของราชวงศ์ถัง คือ ฉางอาน (Chang'an) ซึ่งเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดในโลกในขณะนั้น เป็นศูนย์กลางของความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการค้า นอกจากนี้ ลั่วหยาง (Luoyang) ก็ยังคงมีความสำคัญในฐานะเมืองหลวงรอง

11. ราชวงศ์ซ่งเหนือ (Northern Song Dynasty) (ค.ศ. 960 - 1127)

ราชวงศ์ซ่งเหนือ สามารถรวมแผ่นดินจีนส่วนใหญ่ได้อีกครั้ง แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมดินแดนทางเหนือที่ถูกชนเผ่าเหลียว (Liao) ยึดครองไปได้ ยุคซ่งเหนือมีความโดดเด่นด้านความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ การค้า การพิมพ์ และปรัชญาลัทธิขงจื๊อใหม่ ยุคราชวงศ์ซ่ง เมืองหลวงได้ย้ายไปทางตะวันออกสู่ ไคเฟิง ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำฮวงโห ทำให้สะดวกต่อการคมนาคมทางน้ำและการค้า อย่างไรก็ตาม การรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือทำให้ราชวงศ์ซ่งต้องย้ายเมืองหลวงลงใต้ไปยัง เจี้ยงหนิง (นานกิง) และต่อมาคือ หลินอัน (หางโจ) ซึ่งสะท้อนถึงการสูญเสียดินแดนทางเหนือและความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคทางใต้

เมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือ คือ ไคเฟิง (Kaifeng) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำฮวงโห มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าและเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญ

12. ราชวงศ์จิน (Jin Dynasty - Jurchen) (ค.ศ. 1115 - 1234)

ราชวงศ์จิน ก่อตั้งโดยชนเผ่าจูร์เชิน (Jurchen) ซึ่งเข้ามาจากทางเหนือและสามารถยึดครองดินแดนทางเหนือของจีน รวมถึงเมืองหลวงไคเฟิงของราชวงศ์ซ่งเหนือ ทำให้ราชวงศ์ซ่งต้องย้ายลงใต้ ยุคจินปกครองพื้นที่ทางเหนือของจีนในขณะที่ราชวงศ์ซ่งใต้ปกครองทางใต้

เมืองหลวงแรกของราชวงศ์จิน คือ ฮุ่ยหนิง (Huining) ในแมนจูเรีย ต่อมาได้ย้ายไปยัง เยียนจิง (Yanjing) ซึ่งปัจจุบันคือปักกิ่ง และสุดท้ายคือ ไคเฟิง (Kaifeng) หลังจากยึดครองจากราชวงศ์ซ่งเหนือ

13. ราชวงศ์หยวน (Yuan Dynasty) (ค.ศ. 1271 - 1368)

ราชวงศ์หยวนก่อตั้งโดยชาวมองโกลภายใต้การนำของ กุบไลข่าน เป็นราชวงศ์ต่างชาติแรกที่ปกครองจีนทั้งหมด มีการขยายอาณาเขตอย่างกว้างขวาง และมีการติดต่อกับโลกตะวันตกมากขึ้นผ่านเส้นทางสายไหม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อชนเผ่าเร่ร่อนจากทางเหนือ เช่น ชิตัน หนีเจิน และมองโกล เข้ามามีอำนาจในจีนตอนเหนือและสถาปนา ปักกิ่ง เป็นศูนย์กลางการปกครองของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค ราชวงศ์หยวน ภายใต้การปกครองของมองโกล

เมืองหลวงของราชวงศ์หยวน คือ ต้าตู (Dadu) ซึ่งปัจจุบันคือปักกิ่ง กุบไลข่านได้สร้างเมืองหลวงใหม่ที่ยิ่งใหญ่บนที่ตั้งของเมืองหลวงเก่าของราชวงศ์จิน

14. ราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) (ค.ศ. 1368 - 1644)

ราชวงศ์หมิงก่อตั้งโดยชาวฮั่นภายใต้การนำของ จูหยวนจาง (จักรพรรดิหงหวู่) ซึ่งขับไล่ชาวมองโกลออกไป มีการฟื้นฟูวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม การขยายอำนาจทางทะเลในยุคต้น (การสำรวจของเจิ้งเหอ) และการก่อสร้างพระราชวังต้องห้ามและกำแพงเมืองจีนที่เห็นในปัจจุบัน จูหยวนจาง สถาปนาราชวงศ์หมิง เขาได้เลือก นานกิง เป็นเมืองหลวง อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อ เมืองหลวงได้ถูกย้ายกลับไปยัง ปักกิ่ง อย่างถาวร ปักกิ่งได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้ยิ่งใหญ่ตระการตา กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองและวัฒนธรรมของจีนมาจนถึงปัจจุบัน โดยมี พระราชวังต้องห้าม เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่น

เมืองหลวงแรกของราชวงศ์หมิง คือ อิ้งเทียน (Yingtian) ซึ่งปัจจุบันคือนานกิง ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อ เมืองหลวงได้ถูกย้ายไปยัง ปักกิ่ง (Beijing) อย่างถาวร ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจที่สำคัญที่สุดของจีนในยุคต่อมา

15. ราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) (ค.ศ. 1644 - 1912)

ราชวงศ์ชิงเป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีน ก่อตั้งโดยชาวแมนจู ซึ่งเข้ามาจากทางเหนือและสามารถยึดครองจีนทั้งหมดได้ในที่สุด แม้ว่าจะเป็นชนกลุ่มน้อยที่ปกครอง แต่ราชวงศ์ชิงก็สามารถรักษาความมั่นคงและขยายอาณาเขตได้ในช่วงแรก ก่อนที่จะเผชิญกับความท้าทายจากภายในและการรุกรานจากชาติตะวันตกในยุคหลัง

เมืองหลวงของราชวงศ์ชิง คือ ปักกิ่ง (Beijing) ซึ่งสืบทอดมาจากราชวงศ์หมิง มีการต่อเติมและปรับปรุงพระราชวังต้องห้ามและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ให้ยิ่งใหญ่และงดงามยิ่งขึ้น

16. สาธารณรัฐจีน (Republic of China) (ค.ศ. 1912 - 1949)

สาธารณรัฐจีนก่อตั้งขึ้นหลังจากการปฏิวัติซินไฮ่ล้มล้างราชวงศ์ชิง แม้ว่าจะมีความพยายามในการสร้างรัฐชาติที่ทันสมัย แต่สาธารณรัฐจีนในช่วงแรกต้องเผชิญกับความวุ่นวายจากขุนศึก การรุกรานของญี่ปุ่น และสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์

เมืองหลวงของสาธารณรัฐจีนในช่วงแรกคือ นานกิง (Nanjing) ต่อมาในช่วงสงครามกับญี่ปุ่น รัฐบาลได้ย้ายเมืองหลวงไปยัง ฉงชิ่ง (Chongqing) ชั่วคราว หลังจากสิ้นสุดสงคราม รัฐบาลกลับไปนานกิงอีกครั้ง ก่อนที่จะย้ายไป ไทเป (Taipei) หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์ชนะสงครามกลางเมืองและก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

- สาธารณรัฐประชาชนจีน (People's Republic of China) (ค.ศ. 1949 - ปัจจุบัน)

สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อตั้งขึ้นโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของเหมาเจ๋อตง หลังจากการชนะสงครามกลางเมือง มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองครั้งใหญ่ และจีนได้กลายเป็นประเทศที่มีอิทธิพลระดับโลก

เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน คือ ปักกิ่ง (Beijing) ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเมือง วัฒนธรรม และการระหว่างประเทศของจีนมาจนถึงปัจจุบัน 

ปักกิ่ง ในปัจจุบันจึงมิได้เป็นเพียงเมืองหลวง แต่เป็นร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์และยาวนานของชาติจีนจากเมืองต้าตูในสมัยมองโกลจนกลายมาเป็นมหานครที่เป็นศูนย์กลางการปกครองมายาวนานนับศตวรรษ และยังคงสืบทอดความสำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงจีนเหล่านี้ ช่วยให้เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของศูนย์กลางอำนาจ อิทธิพลของภูมิศาสตร์ และพลวัตทางสังคมและการเมืองที่หล่อหลอมประเทศจีนมาตลอดหลายพันปี ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน การเคลื่อนย้ายของเมืองหลวงจีนไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และภัยคุกคามจากภายนอก การทำความเข้าใจถึงพลวัตเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงความซับซ้อนและพัฒนาการของอารยธรรมจีนได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

.

-------------------------

ที่มา

รวบรวมข้อมูลและรูป

www.iok2u.com

-------------------------

ดูเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่

เที่ยวจีน (Travel China)

เที่ยวรอบโลก (World Travel)

-------------------------

 

 

 

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward