ประวัติเมืองหลวงโบราณ ปักกิ่ง (Beijing) จากรัฐชายแดนสู่มหานครแห่งจักรพรรดิ และศูนย์กลางแห่งโลกสมัยใหม่
กำเนิดเมืองปักกิ่งแหล่งอารยธรรมชายแดน พื้นที่ที่ปัจจุบันคือกรุงปักกิ่ง มีประวัติการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะการค้นพบ “มนุษย์ปักกิ่ง” (Peking Man) ที่ถ้ำโจวกู่เตี้ยน (Zhoukoudian) บ่งชี้ว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ในบริเวณนี้กว่า 700,000 ปีที่ผ่านมา ในช่วง ยุคชุนชิวและยุคจ้านกว๋อ (770–221 ปีก่อนคริสตกาล) พื้นที่ปักกิ่งเคยเป็นเมืองหลวงของ รัฐเยี่ยน (Yan State) มีชื่อว่าเมือง จี้ (Ji) ซึ่งมีความสำคัญในฐานะเมืองหน้าด่านทางเหนือที่ป้องกันการรุกรานจากเผ่าเร่ร่อน
ปักกิ่งในยุคจักรวรรดิบทบาทเมืองสำคัญก่อนเป็นเมืองหลวง ตลอดหลายร้อยปีในยุค ราชวงศ์ฉิน, ฮั่น, และสุย–ถัง, ปักกิ่งเป็นเมืองสำคัญเชิงยุทธศาสตร์แต่ยังไม่ใช่เมืองหลวงหลัก ใช้ชื่อเรียกต่างๆ เช่น หยานจิง (Yanjing) และ หนานจิง (ในบางราชวงศ์) เมืองนี้ทำหน้าที่เป็นฐานทัพ การค้า และศูนย์วัฒนธรรมระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับชนเผ่าทางเหนือ เช่น มองโกลและแมนจู ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการในยุคต่อมา
ราชวงศ์หยวนเริ่มต้นการเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิ ในปี ค.ศ. 1267 กุบไลข่าน (Kublai Khan) แห่งจักรวรรดิมองโกล ได้สถาปนาเมืองหลวงใหม่ที่ปักกิ่ง โดยใช้ชื่อว่า ต้าโต๋ (Dadu) หรือ ข่านป่าหลี่ (Khanbaliq) ในภาษาเปอร์เซีย เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างยิ่งใหญ่ มีผังเมืองแบบสี่เหลี่ยม ตัดถนนเป็นแนวตรงตามหลักจักรวาลวิทยา และกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิมองโกลที่แผ่ขยายกว้างไกลที่สุดในโลกในยุคนั้น
ราชวงศ์หมิงเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ เดิมทีราชวงศ์หมิงมีเมืองหลวงอยู่ที่ นานกิง แต่ในปี ค.ศ. 1421 จักรพรรดิ หย่งเล่อ (Yongle Emperor) ได้ย้ายเมืองหลวงขึ้นเหนือมายัง ปักกิ่ง พร้อมสั่งสร้าง พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) วัดสวรรค์ (Temple of Heaven) พระราชวังฤดูร้อน ฯลฯ ยุคนี้ปักกิ่งเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านการปกครอง ศาสนา และสถาปัตยกรรม กลายเป็นเมืองหลวงหลักอย่างถาวรนับแต่นั้นมา
ราชวงศ์ชิงยุคสูงสุดของราชสำนักแมนจู หลังการรุกรานของแมนจูในปี ค.ศ. 1644 ปักกิ่งกลายเป็นเมืองหลวงของ ราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) จักรพรรดิชิงยังคงใช้พระราชวังต้องห้ามเป็นศูนย์กลางอำนาจ และพัฒนาเมืองให้เจริญต่อเนื่อง ยุคชิงถือเป็นช่วงที่ ปักกิ่งกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจที่มั่นคงที่สุดของจีน ด้วยการบริหารที่เข้มงวด การค้ากับชาติตะวันตกเริ่มปรากฏ และเกิดความขัดแย้งทางการเมืองที่ปะทุในยุคปลายราชวงศ์
ยุคสาธารณรัฐจีนและสงครามเมืองรองทางการเมือง หลังการล่มสลายของราชวงศ์ชิงในปี ค.ศ. 1912 ประเทศจีนกลายเป็น สาธารณรัฐจีน (Republic of China) โดยย้ายเมืองหลวงไปยัง นานกิง ปักกิ่งถูกลดบทบาท และเปลี่ยนชื่อเป็น เป่ย์ผิง (Beiping) ซึ่งแปลว่า “สันติภาพทางเหนือ” แต่ยังคงเป็นเมืองสำคัญด้านการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และแนวคิดปฏิวัติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองนี้ถูกรุกรานโดยญี่ปุ่นและใช้เป็นศูนย์บัญชาการในยุครุกรานจีน
ปักกิ่งยุคสมัยใหม่เมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 เหมาเจ๋อตงประกาศตั้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน และเปลี่ยนชื่อเมืองกลับเป็น ปักกิ่ง ซึ่งแปลว่า “เมืองหลวงเหนือ” จากนั้นปักกิ่งกลายเป็นศูนย์กลางของ รัฐบาลกลาง การพัฒนาเศรษฐกิจ ศูนย์การศึกษาชั้นนำของประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง, มหาวิทยาลัยชิงหัว การแข่งขันโอลิมปิกปี 2008 และ 2022 เมืองได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย มีรถไฟฟ้าใต้ดิน สนามบินนานาชาติ และระบบเมืองอัจฉริยะมากมาย
ปักกิ่งในยุคปัจจุบัน ปักกิ่งในปัจจุบันเป็นเมืองหลวงที่มีบทบาททั้งในระดับประเทศและระดับโลก เป็นทั้ง ศูนย์กลางอำนาจการเมือง แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ระดับโลก เช่น พระราชวังต้องห้าม, วัดสวรรค์, พระราชวังฤดูร้อน เมืองที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างลงตัว
ปักกิ่ง คือ หัวใจของประเทศจีนทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็นเวทีของประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ตั้งแต่ยุคสงครามรัฐจนถึงโลกยุค AI ความเปลี่ยนแปลงของเมืองนี้สะท้อนพัฒนาการของประเทศจีนทั้งระบบอย่างแท้จริง การมาเยือนปักกิ่งจึงไม่ใช่แค่การชมสถานที่ท่องเที่ยว แต่คือการ สัมผัสจิตวิญญาณของจีน ที่สืบทอดต่อเนื่องมายาวนานหลายพันปี
.
-------------------------
ที่มา
-
รวบรวมข้อมูลและรูป
-------------------------
ดูเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ที่
-------------------------