iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้
นักวินิจฉัยสถานประกอบการ (Shindanshi)
Shindan เป็นภาษาญี่ปุ่น มีความหมายถึง การวินิจฉัยสถานประกอบการ
การวินิจฉัยสถานประกอบการ Shindan เป็นระบบที่เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเข้ามาในประเทศไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 5 ปีแรกเป็นการถ่ายทอดแนวทางและวิธีการสอนจากญี่ปุ่น และช่วง 5 ปีถัดมาได้มีการพัฒนาหลักสูตรต่อโดยนักวินิจฉัยชาวไทย ในแต่ละปีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะเปิดอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจจะเข้ามาเป็นนักวินิจฉัย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมไปแล้วจำนวนมาก หากสนใจที่จะก้าวสู่อาชีพ นักวินิจฉัยสถานประกอบการ (Shindanshi) จำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร นักวินิจฉัยสถานประกอบการระดับวิชาชีพเสียก่อน โดยผู้ที่จะช่วยสถานประกอบการในการตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพที่แท้จริง ของการบริหารจัดการในภาพรวม รวมถึงชี้แนะถึงจุดเด่น จุดด้อย รู้สถานภาพและศักยภาพของตนเอง รู้แนวทางที่จะปรับปรุงองค์กรเพื่อให้อยู่รอดอย่างยั่งยืน ต้องมีความรู้ ทักษะและประสบการณ์ที่ครอบคลุมในศาสตร์หลายด้าน
Shindanshi หรือนักวินิจฉัยสถานประกอบการ ผู้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา วินิจฉัย วิเคราะห์ปัญหาและวางแนวทางแก้ไขปรับปรุงแก่สถานประกอบการผู้ที่จะเป็นนักวินิจฉัย จะต้องมีคุณสมบัติที่สะท้อนความเป็นมืออาชีพ โดยทั่วไปนักวินิจฉัยต้องมีความรู้ทักษะที่เหมาะสม มีจิตบริการเพื่อประโยชน์ของสังคม มีจริยธรรมทั้งความคิดและการปฏิบัติ หลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน ยอมรับค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลและต้องผ่านการตรวจสอบทางสังคม เช่น การฝึกอบรม และการสอบมาตรฐานวิชาชีพนักวินิจฉัย คุณสมบัติของนักวินิจฉัยสามารถแบ่งได้ 3 ด้าน ได้แก่
1. คุณสมบัติทั่วไปของนักวินิจฉัย
1. มีความรักในอาชีพการวินิจฉัย
2. มีจิตใจบริการ
3. มีบุคลิกลักษณะที่น่าเชื่อถือ
4. มีวินัยในการทำงาน
5. มีความตรงต่อเวลา
6. มีระบบในการทำงาน
7. รักษาคำพูด รักษาสัญญา
8. รู้จักวางตัวให้เหมาะสมกับคนแต่ละกลุ่ม
9. มีความสามารถควบคุมอารมณ์และการแสดงออกได้ดี
10. มีการเรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
2. คุณสมบัติด้านความรู้ของนักวินิจฉัย
1. มีความรู้ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ
2. มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์การวินิจฉัยธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น การวางแผนการผลิต การบริหารจัดการ บริหารทรัพยากรบุคคล การตลาดและการขาย การเงิน การบัญชี เป็นต้น
3. มีความรู้เบื้องต้นด้านกฎหมายและข้อระเบียบปฏิบัติสำหรับธุรกิจ
3. คุณสมบัติด้านทักษะของนักวินิจฉัย
1. มีทักษะในการประเมินวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า
2. มีทักษะในการวินิจฉัยแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ
3. มีทักษะในการสื่อสารทั้งการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ตลอดจนสื่อสารภาษากายที่ดี
4. มีจิตวิทยาและทักษะในการนำเสนอผลการวินิจฉัย
ผู้ที่เป็นนักวินิจฉัยจะต้องศึกษาหาความรู้ เก็บเกี่ยวทักษะประสบการณ์ในการวินิจฉัยและรักษาจริยธรรมต่อวิชาชีพนักวินิจฉัย เพื่อจะเป็นนักวินิจฉัยมืออาชีพต่อไป
.
-----------------------
ที่มาข้อมูล
รวบรวมรูปภาพ
-----------------------
รวมเรื่องราวอุตสาหกรรม (Industry)
-----------------------
แนะนำ แหล่งช่องทางการเรียนรู้ดีๆ จาก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
รู้หรือไม่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดนำเอาข้อมูลข่าวสาร ด้านอุตสาหกรรม มาจัดเตรียมเพื่อให้กับผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจเข้ามาเลือกใช้บริการในช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่
@ หนังสือเอกสารอุตสาหกรรมและเรื่องราวน่ารู้มากมาย สามารถเข้าไปหาอ่านได้ภายในห้องสมุด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ชั้น 2 ถนนพระราม 6 ราชเทวี กทม
http://library.dip.go.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=kwx&qst=%402174%2C%4092957%2C%5E%2C%408%2C%24&wa=946F797&lang=1&db=Main&pat=%CA%D4%A7%CB%D2%A4%C1%202561&cat=gen&skin=S&lpp=50&catop=&scid=zzz&nx=39
@ วารสารอุตสาหกรรมสาร ประจำเดือน
http://library.dip.go.th/multim6/ebook/2561/J%20%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%AD127%202561(4).pdf
@ เว็บไซต์กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
www.dip.go.th
@ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
http://info.dip.go.th
@ ศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรม Business Service Center (BSC)
https://bsc.dip.go.th/th
@ ศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี SME Support & Rescue Center (SSRC)
www.smessrc.com
@ Facebook: กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
https://www.facebook.com/dip.go.th
@ Facebook: ห้องสมุด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
https://www.facebook.com/library4425
@ Facebook: ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
https://www.facebook.com/dipinfo
@ Facebook: เรื่องราวข่าวสารโครงการพี่ช่วยน้อง Big Brother DIP กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
https://www.facebook.com/bigbrother.dip
...
.
-----------------------
ที่มาข้อมูล
รวบรวมรูปภาพ
-----------------------
รวมเรื่องราวอุตสาหกรรม (Industry)
-----------------------
กระทรวงอุตสาหกรรม 2564
กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่ “ประเทศไทย 4.0” (The Next Revolution 4.0) ตามนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย 4.0 ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม และเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก รวมถึงดำเนินการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อยกระดับให้อุตสาหกรรมไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมในภูมิภาคอาเซียน การพัฒนาปัจจัยสนับสนุนให้เอื้อต่อการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง และการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการใหม่ให้มีความเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างยั่งยืน มุ่งนำ Digital Transformation มาประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับ Creative Economy ความคิดสร้างสรรค์เชิงอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับนวัตกรรมและงานวิจัยและพัฒนา เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานโครงสร้างอุตสาหกรรมและบริการ โดยสร้างอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต สร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมและบริการที่เหมาะสม และสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอย่างยั่งยืน
นอกจากปัจจัยภายในเรื่องของการบริหารจัดการด้านยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน ให้บรรลุตามเป้าหมายแล้ว ปัจจัยภายนอกด้านสภาพแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ในโลกยุค “เศรษฐกิจ 4.0” นับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของกระแสเศรษฐกิจโลก (Global Mega-Trend) ที่เกิดจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง (Technology Disruption) ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร เป็นความท้าทายต่อการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ของหน่วยงานและบุคลากรในองค์กรเพื่อพัฒนานโยบายให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกและการดำเนินธุรกิจในอนาคต ซึ่งต้องมีการจัดการอย่างมีวิสัยทัศน์ รวมถึงการรับมือการบริหารในสภาวะวิกฤตแบบไม่ทันตั้งตัวในเรื่องของการบริหารจัดการเมื่อเกิดโรคอุบัติใหม่ เช่น โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม การปรับตัวสู่ธุรกิจรูปแบบใหม่ (New Business Model) เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมการใช้วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และระบบสาธารณสุข นับเป็นเรื่องที่ต้องบริหารนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
.
-----------------------
ที่มาข้อมูล
รวบรวมรูปภาพ
-----------------------
รวมเรื่องราวอุตสาหกรรม (Industry)
-----------------------
พระกฤษณะนารายณ์เทวเทพ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความเคารพนับถือ
พระนารายณ์ที่นี่ มีสีทอง มี 4 กร ทรงถือ คฑา สังข์ จักร และดอกบัว มีพาหนะเป็นครุฑ รอบด้วยสระดอกบัวและน้ำพุที่สวยงาม โดยพระนารายณ์ยังเป็นตราของกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย * พระนารายณ์ เป็นพระนามหนึ่งของ พระวิษณุ (Vishnu) แต่ทว่าชาวไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับพระนามว่าพระนารายณ์มากกว่า พระนารายณ์ เป็นหนึ่งในสามมหาเทพ มีหน้าที่คุ้มครองแลดูแลรักษาทั้ง 3 โลก ตามความเชื่อของชาวฮินดูจากคัมภีร์พราหมณ์ รูปร่างลักษณะมีพระวรกายจะมีสีที่เปลี่ยนไปตามยุค ฉลองพระองค์ดั่งกษัตริย์ มีมงกุฎทอง อาภรณ์สีเหลือง มี ๔ กร ถือ สังข์ จักร ตรี คทา แต่ที่จะพบเห็นได้บ่อยที่สุดคือถือ จักร์ สังข์ คทา ส่วนอีกกรจะถือ ดอกบัวบ้าง หรือ ไม่ถืออะไรเลยบ้าง (โดยจะอยู่ในลักษณะ"ประทานพร") * พระนารายณ์ หรือ พระวิษณุ จะทรงประทับอยู่ที่เกษียรสมุทร โดยส่วนมากจะทรงบรรทมอยู่บนหลัง อนันตนาคราช โดยมีพระชายา คือ พระลักษมีมหาเทวี คอยฝ้าดูแลปรนิบัติอยู่ข้างๆเสมอ พาหนะของพระวิษณุ คือ พญาครุฑ พระวิษณุ มีอีกพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า "หริ" แปลว่าผู้ดูแลแห่งจักรวาลถือเป็นเทพสูงสุด เพราะทุกอย่างเกิดจาก "หริ" โดย"หริ"ได้แบ่งตนเองออกเป็น 3 คือ
- พระพรหม มีหน้าที่สร้างและลิขิตสรรพสิ่งทั้งปวงในทั้งสามโลก
- พระวิษณุ หรือ พระหริ มีหน้าที่ดูแลทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อย และสมดุล
- พระศิวะ มีหน้าที่ทำลายสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงในโลกทั้งสาม
* ตราสัญลักษณ์กระทรวงอุตสาหกรรม คือ พระนารายณ์เกษียรสมุทร ซึ่งนำจากเรื่องนารายณ์สิบปาง ปางที่สอง หรือกูรมาวตาร โดยถือเอาสัญลักษณ์ขณะที่พระนารายณ์ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ประกอบพิธีกวนน้ำอมฤต ซึ่งในการกวนน้ำอมฤตนี้ ก็ได้เกิดผลิตผลอย่างอื่น ๆ ขึ้นในโลกอีกด้วย
* กระทรวงอุตสาหกรรม เริ่มจากการก่อตั้ง กองอุตสาหกรรม ในกรมพาณิชย์ กระทรวงเศรษฐการ เมื่อ พ.ศ. 2479 ก่อนจะยกฐานะขึ้นเป็น กองอิสระรัฐพาณิชย์ ใน พ.ศ. 2480 ถัดมาเมื่อ พ.ศ. 2484 ได้มีการปรับปรุงส่วนราชการกองเศรษฐการใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อเป็น กระทรวงเศรษฐกิจ และจัดตั้ง กรมอุตสาหกรรม สังกัดกระทรวงเศรษฐกิจ พ.ศ. 2488 ประกาศใช้พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมจัดตั้ง "กระทรวงการอุตสาหกรรม" ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "กระทรวงอุตสาหกรรม" ใน พ.ศ. 2495 จนถึงปัจจุบัน
ที่มา https://www.industry.go.th/th/ministry-of-industry-symbol
.
-----------------------
ที่มาข้อมูล
รวบรวมรูปภาพ
-----------------------
รวมเรื่องราวอุตสาหกรรม (Industry)
-----------------------
กระทรวงอุตสาหกรรม ประวัติความเป็นมา
ตราสัญลักษณ์ของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ นารายณ์เกษียรสมุทร ซึ่งนำจากเรื่อง นารายณ์สิบปาง ปางที่สองหรือกูรมาวตาร โดยถือเอาสัญลักษณ์ขณะที่พระนารายณ์ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ประกอบพิธีกวนน้ำอมฤต ซึ่งในการกวนน้ำอมฤตนี้ ก็ได้เกิดผลิตผลอย่างอื่น ๆ ขึ้นในโลกอีกมากมาย
กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) มีประวัติความเป็นมาดังนี้
@ พ.ศ. 2479 รัฐบาลได้จัดตั้ง "กองอุตสาหกรรม" ขึ้นในกรมพาณิชย์ กระทรวงเศรษฐการ เมื่อวันที่ 31 มกราคม
@ พ.ศ. 2480 ยกฐานะกองอุตสาหกรรมขึ้นเป็นกองอิสระรัฐพาณิชย์ ขึ้นตรงต่อสำนักงานปลัดกระทรวงเศรษฐการ
@ พ.ศ. 2484 มีการปรับปรุงส่วนราชการกองเศรษฐการใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อ เป็นกระทรวงเศรษฐกิจและจัดตั้ง "กรมอุตสาหกรรม" สังกัดกระทรวงเศรษฐกิจ มีหน้าที่วางแผนการสร้างและส่งเสริมอุตสาหกรรมโรงงาน และอุตสาหกรรมในครอบครัว โดยตั้งที่ทำการกรมที่ วังกรมหลวงปราจีณกิติยบดี เทเวศม์
@ พ.ศ. 2485 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ประกาศใช้พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมจัดตั้ง "กระทรวงการอุตสาหกรรม" โดยมีส่วนราชการในสังกัด คือ
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม (ตั้งใหม่)
- กรมโลหกิจ (โอนมาจากกระทรวงมหาดไทย)
- กรมวิทยาศาสตร์ (โอนมาจากกระทรวงการเศรษฐกิจ)
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชื่ออังกฤษ Department of Industrial Promotion (DIP) (กรมอุตสาหกรรม กระทรวงการเศรษฐกิจเดิม)
กระทรวงการอุตสาหกรรม ตั้งอยู่ที่ วังกรมหลวงปราจีณกิติยบดีเทเวศม์ วันที่ 5 พฤษภาคม ถือเป็นวันสถาปนากระทรวงอุตสาหกรรม
@ พ.ศ. 2486 ย้ายที่ทำการกระทรวงการอุตสาหกรรมมาตั้งที่ กองบัญชาการ กองพลที่ 1
@ พ.ศ. 2488 ย้ายที่ทำการกระทรวงการอุตสาหกรรม มาตั้งที่วังกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เทเวศม์
@ พ.ศ. 2494 ย้ายที่ทำการกระทรวงการอุตสาหกรรม มาตั้งที่ ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน
@ พ.ศ. 2495 เปลี่ยนชื่อกระทรวงการอุตสาหกรรมเป็น "กระทรวงอุตสาหกรรม" และปรับปรุง ส่วนราชการใหม่ โดยมีกรมในสังกัดดังนี้
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กรมโรงงานโลหกรรม (ตั้งใหม่)
- กรมโลหกิจ
- กรมวิทยาศาสตร์
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชื่ออังกฤษ Department of Industrial Promotion (DIP)
@ พ.ศ. 2501 มีพระราชบัญญัติปรับปรุงส่วนราชการในกระทรวงอุตสาหกรรมใหม่ โดยมีกรมในสังกัด คือ
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กรมโลหกิจ
- กรมวิทยาศาสตร์
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชื่ออังกฤษ Department of Industrial Promotion (DIP)
@ พ.ศ. 2506 มีพระราชบัญญัติปรับปรุงส่วนราชการในกระทรวงอุตสาหกรรมใหม่ โดยมีกรมในสังกัด คือ
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กรมวิทยาศาสตร์
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชื่ออังกฤษ Department of Industrial Promotion (DIP)
- สำหรับกรมโลหกิจโอนไปสังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติที่ตั้งขึ้นใหม่ และเปลี่ยนชื่อ เป็นกรมทรัพยากรธรณี
@ พ.ศ. 2511 จัดตั้งสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตามพระราชบัญญัติมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511
@ พ.ศ. 2515 มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 216 ลงวันที่ 29 กันยายน ปรับปรุงส่วนราชการ ในกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ ใหม่ สำหรับกระทรวงอุตสาหกรรมมีหน่วยราชการในสังกัด คือ
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมทรัพยากรธรณี
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
- กรมวิทยาศาสตร์
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชื่ออังกฤษ Department of Industrial Promotion (DIP)
- สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ
@ พ.ศ. 2515 มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 276 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน จัดตั้ง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
@ พ.ศ. 2515 มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 339 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม จัดตั้ง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจเทียบเท่ากรม สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม
@ พ.ศ. 2518 มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเล เป็นรัฐวิสาหกิจเทียบเท่ากรมสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม
@ พ.ศ. 2520 มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคม
@ พ.ศ. 2520 มีพระราชกฤษฏีกาจัดตั้งองค์การก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจเทียบเท่ากรม สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม
@ พ.ศ. 2521 จัดตั้งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
@ พ.ศ. 2522 มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 216 ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2515 (ฉบับที่ 22) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ สำหรับกระทรวงอุตสาหกรรมให้มีหน่วยราชการ ในสังกัด คือ
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมทรัพยากรธรณี
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชื่ออังกฤษ Department of Industrial Promotion (DIP)
@ พ.ศ. 2522 มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 216 ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2515 (ฉบับที่ 23) เมื่อวันที่ 24 มีนาคม สำหรับกระทรวงอุตสาหกรรมให้มีหน่วยราชการ ในสังกัด คือ
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมทรัพยากรธรณี
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชื่ออังกฤษ Department of Industrial Promotion (DIP)
- สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
@ พ.ศ. 2527 จัดตั้งสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง ตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 (ประกาศในราชกิจจานุเษกษา ฉบับพิเศษ เล่ม 101 ตอนที่ 103 หน้า 38 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2527)
@ พ.ศ. 2528 มีพระราชกฤษฎีกายกเลิกการจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ พ.ศ. 2520 พ.ศ. 2528 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม
@ พ.ศ. 2534 มีพระราชกฤษฎีกาปรับปรุงส่วนราชการในกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ใหม่ เมื่อวันที่ 4 กันยายน สำหรับกระทรวงอุตสาหกรรมมีหน่วยราชการในสังกัด คือ
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมทรัพยากรธรณี
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (Department of Industrial Promotion : DIP)
- สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
@ พ.ศ. 2540 คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยุบองค์การเหมืองแร่ในทะเล เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์
@ พ.ศ. 2545 ถึงปัจจุบัน มีการปฏิรูประบบราชการ เปลี่ยนแปลง และปรับปรุงโครงสร้างการบริหารของส่วนราชการต่าง ๆ ใหม่ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม สำหรับกระทรวงอุตสาหกรรมมีหน่วยราชการในสังกัด คือ
- สำนักงานรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (Department of Industrial Promotion : DIP)
- กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (DPIM)
- สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
- สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
- การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
.
-----------------------
ที่มาข้อมูล
รวบรวมรูปภาพ
-----------------------
รวมเรื่องราวอุตสาหกรรม (Industry)
-----------------------
เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward