iok2u.com แหล่งรวมข้อมูลข่าวสารเรื่องราวน่าสนใจเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้

มิสเตอร์เรน (Mr. Rain) และมิสเตอร์เชน (Mr. Chain)
Mr. Rain และ Mr. Chain สองพี่น้องในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสื่อสารสนเทศ เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างสังคมในการเรียนรู้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา
Pay It Forward เป้าหมายเล็ก ๆ ในการส่งมอบความดีต่อ ๆ ไป
เว็ปไซต์นี้เกิดจากแรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward ที่เล่าถึงการมีเป้าหมายเล็ก ๆ กำหนดไว้ให้ส่งมอบความดีต่อไปอีก 3 คน หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลยโดยไม่ต้องตอบแทนกลับมา อยากให้ส่งต่อเพื่อถ่ายทอดต่อไป
ยืนหยัด เข้มแข็ง และกล้าหาญ (Stay Strong & Be Brave)
ขอเป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนในการต่อสู้ความอยุติธรรม ในยุคสังคมที่คดโกงยึดถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกฟ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม จนหลายคนคิดว่าพวกด้านได้อายอดมักได้ดี แต่หากยึดคำในหลวงสอนไว้ในเรื่องการทำความดีเราจะมีความสุขครับ

แนะนำหนังสือ The Changing World Order: Why Nations Succeed and Fail  

สรุปหนังสือดีที่ควรอ่าน “The Changing World Order: Why Nations Succeed and Fail” ของ Ray Dalio

หนังสือ The Changing World Order: Why Nations Succeed and Fail ของ Ray Dalio หรือระเบียบโลกที่เปลี่ยนแปลง : เหตุใดประชาชาติจึงประสบความสำเร็จและล้มเหลว เป็นหนังสือที่ดีมากควรที่เราจะศึกษา โดยผู้เขียนเชื่อว่าโลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของเราหลังจากนี้ โดยจากการศึกษาข้อมูลที่มีผ่านมาหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วเพียงแต่รอวันเวลาหมุนเวียนมาตามวงจรใหญ่ เราจึงควรที่จะต้องศึกษาการเปลี่ยนแปลงในอดีตเพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้และช่วยคาดการณ์สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นต่อไป

หนังสือ The Changing World Order: Why Nations Succeed and Fail (ระเบียบโลกที่เปลี่ยนแปลง: เหตุใดประชาชาติจึงประสบความสำเร็จและล้มเหลว) จะช่วยให้เราเข้าใจแนวคิดหลักสาระสำคัญของสิ่งที่ขับเคลื่อนของวงจรใหญ่ (Big Cycle) ของการเพิ่มขึ้นและเสื่อมถอยของประเทศต่างๆ ผ่านกาลเวลา แสดงให้เห็นว่าวัฏจักรใหญ่มีการทำงานอย่างไรในช่วง 500 ปีที่ผ่านมาของประวัติศาสตร์ และสิ่งที่ผู้นำโลกในปัจจุบันอย่างสหรัฐฯ ต้องทำเพื่อคงความแข็งแกร่งไว้

หนังสือ ระเบียบโลกที่เปลี่ยนแปลง: เหตุใดประชาชาติจึงประสบความสำเร็จและล้มเหลว เขียนถึง วงจรการเติบโตของประเทศมหาอำนาจโลก ที่มีในอดีตแต่ละยุคโดยเล่าถึงประเทศตั้งแต่เติบโตเป็นมหาอำนาจไปจนเสื่อมลง และมีการเกิดขึ้นทดแทนของประเทศมหาอำนาจรายใหม่ จะกล่าวถึงความรุ่งเรือง รุ่งโรจน์ และถดถอย ของประเทศมหาอำนาจในโลกที่มีผ่านมา ที่แม้ว่าในแต่ละประเทศจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในหลายส่วน แต่รูปแบบที่พบจะคล้ายคลึงกัน มีการเล่าถึงปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ประเทศที่จะมาเป็นมหาอำนาจโลกกว้าหน้า หรือจะทำลายความก้าวหน้าจะเข้าสู่การเสื่อมของประเทศมหาอำนาจ และยังเล่าโยงถึงที่มาของความขัดแย้งระหว่างประเทศที่จะบอกว่าจะมีผลลัพธ์ยังไง โดยในเล่มจะยกเรื่องราวของสามมหาอำนาจที่พบผ่านมา คือ ดักซ์ อังกฤษ และอเมริกา มาจนถึงปัจจุบันซึ่งตรงกับช่วงที่พยายามบอกถึงปัญหาว่าทำไมช่วงนี้ เราจึงพบมีปัญหาระหว่างอเมริกากับจีนมากมายหลายครั้ง และอาจบอกได้ว่าทำใมจีนถึงได้กล้าท้าชนสหรัฐ

3 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลก

1. หลายประเทศไม่มีเงินเพียงพอที่จะชำระหนี้ เริ่มมีการพิมพ์เงินออกมา

2. ความขัดแย้งภายในประเทศจากความเหลื่อมล้ำเรื่องความมั่งคั่งและความเชื่อ

3. ความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจที่กำลังจะผงาดและผู้นำของโลก

นิยามของระเบียบโลกมาตรวัดที่ใช้กำหนดความเป็นมหาอำนาจมี 3 ช่วง

1. ช่วงรุ่งเรือง (The Rise)

2. ช่วงเวลารุ่งโรจน์ (The Top)

3. ช่วงเสื่อมถอย (The Decline)

8 มาตรวัดสัญญาณชีพของแต่ละประเทศ

1. การศึกษา

2. นวัตกรรมและเทคโนโลยี

3. ความสามารถในการแข่งข้นกับตลาดโลก

4. ผลผลิตทางเศรษฐกิจ

5. ส่วนแบ่งทางการค้าของโลก

6. ความเข้มแข็งทางการทหาร

7. ความแข็งแกร่งในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน

8. ความแข็งแกร่งของสกุลเงินในฐานะเงินทุนสำรอง

การสรุปจากภาพใหญ่

จากการศึกษาเรื่องราวย้อนหลังไปประมาณ 500 ปีที่ผ่านมา ในยุคแรกที่เริ่มการผลิตยุคแรกซึ่งเป็นช่วงยุคการเกษตร มีความต้องการใช้แรงงานและการมีปริมาณทรัพยากรมนุษย์ที่เพียงพอ จะถือเป็นปัจจัยหลักในทางขับเคลื่อนประเทศให้เจริญเข้มแข็งและเติบโตไปสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจ การศึกษาตัวเลข GDP ในยุคนั้นโลกจะมีการเติบโตขึ้นต่อเนื่องโดยจะมีการเติบโตขยายตัวไปได้อย่างช้าในช่วงแรกก่อนศตวรรษที่ 18 จนมาถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคต่อมาก็จะเริ่มมี GDP ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเป็นช่วงที่เปลี่ยนจากยุคการเกษตรมาเป็นเศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรม เริ่มมีนายทุนมีการประดิษฐ์คิดค้นผลิตภัณฑ์สินค้าและเป็นเจ้าของการผลิตสินค้า ในยุคนี้ผู้คนจะเริ่มมีการศึกษามีความฉลาดขึ้น มีถ่ายทอดความรู้ไปสู่คนอื่นมากขึ้น จนเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาในระบบโรงเรียนไปจนถึงมหาวิทยาลัยในระยะต่อมา 

ในหนังสือจะเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในอดีต โดยพบว่า ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีความโดดเด่นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุค ค.ศ. 600 ต่อมาก็มีการเปลี่ยนประเทศมหาอำนาจมาเป็น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถก้าวมาเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของโลกในช่วงยุค ค.ศ. 1600

ก่อนที่จะมีการส่งถ่ายเปลี่ยนมือมาเป็น ประเทศสหราชอาณาจักร ในช่วงปี ค.ศ. 1800 และสามารถครองอำนาจไปได้จนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 หากมองย้อนไปในช่วงยุค ค.ศ. 1700 จะพบว่าในยุคนั้นประเทศที่เริ่มเฟื่องฟูและมีอำนาจมากคือ ประเทศสหราชอาณาจักร อังกฤษ แม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่ก็ได้มีอาณานิคมกระจายอยู่นอกราชอาณาจักรเยอะแยะมากมาย จนได้ฉายาว่าเป็น ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน (The sun never set in the British Empire) แต่แน่นอนว่าอาณาจักรที่รุ่งเรืองก็สามารถถูกแย่งชิงอำนาจไปได้ ถ้าหากมีรากฐานที่อ่อนแอ โดยวิกฤตที่จะสามารถทำลายอำนาจของอาณาจักรได้นั้นแบ่งได้เป็น วิกฤตทางเศรษฐกิจ, สงคราม และโรคระบาด

ต่อมาหลังสงครามโลก ในช่วงปี ค.ศ. 1900 ก็มีประเทศมหาอำนาจใหม่ คือ สหรัฐอเมริกา ที่ได้ก้าวขึ้นสู่การมาเป็นมหาอำนาจของโลกจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกา จะมีการเติบโตเริ่มช้าและลดต่ำลงต่อเนื่อง และในขณะเดียวกัน ประเทศจีน กลับมีการเติบโตที่เร่งสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ตัวชี้วัดแสดงให้เห็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอำนาจทีี่มีในประเทศ

1. ความสามารถในการเป็นผู้นำของผู้บริหาร

2. ระดับการศึกษาของคนในประเทศ

3. ความมุ่งมั่นของคนในประเทศ การมีเป้าหมายและแรงตั้งใจ

4. กฎระเบียบกฎหมายที่มีความเข้มแข็งมีประโยชน์ในการสร้างความเป็นระเบียบ

5. ปริมาณการคอรัปชั่นที่พบมีในประเทศ

6. ประสิทธิภาพการจัดสรรทรัพยากรที่มีอย่างเหมาะสมหรือไม่

7. การเปิดกว้างสู่การคิดเสรีภาพในการใช้ชีวิต ที่มีมาตรฐานในระดับโลก

จากตัวชี้วัดที่กล่าวมา จะแสดงให้เห็นว่าประเทศเหล่านนั้นมีโอกาสที่จะเติบโตหรือเสื่อมถอยลง ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอำนาจทีี่มีทั้งในประเทศและนอกประเทศ ปัจจัยที่ทำให้อาณาจักรสามารถมีอำนาจจนยิ่งใหญ่ได้นั้น ต้องเริ่มจาก การให้คนในประเทศมีการศึกษา เรียนรู้ Knowhow จากต่างประเทศ ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันในตลาดโลก เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถลงทุนพัฒนาผลผลิตสูงขึ้น การมีเทคโนโลยีใหม่ก็จะช่วยส่งเสริมกองทัพทหารให้มีความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องเส้นทางการค้า อย่างสหรัฐ ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าสหรัฐมีความโดดเด่นทางเศรษฐกิจและการทหาร ทำให้สหรัฐกลายเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีสกุลเงินเป็นสกุลเงินสำรองของโลก ย่อมทำให้สามารถกู้ยืมและใช้จ่ายมากขึ้น

ค่าเงินของประเทศที่มีร่ำรวยที่สุดและมีอำนาจมากที่สุดจะกลายเป็นสกุลเงินสำรองของโลก ทำให้มีสิทธิพิเศษที่มากกว่าประเทศอื่น สามารถยืมเงินได้มากขึ้นเท่ากับเป็นหนี้มากขึ้น การมีหนี้มากเกินไปนี้สามารถดำเนินต่อไปได้ระยะหนึ่งและอาจเป็นการเสริมเศรษฐกิจของประเทศด้วย แต่เมื่อประเทศที่ร่ำรวยเป็นหนี้สินจากการกู้ยืมจากประเทศที่จนกว่า จะเป็นสัญญาณแรกของการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่ง เช่นในปี 1980 เมื่อสหรัฐมีรายได้ต่อประชากรมากกว่าจีน 40 เท่า เริ่มกู้ยืมจากจีนเป็นสกุลเงินดอลลาร์ เช่นเดียวกับอังกฤษที่ยืมเงินจำนวนมากจากอาณานิคมที่ยากจน โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และเนเธอร์แลนด์ก็ทำเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนอำนาจของประเทศ

นับตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1700 โลกของเรามีสกุลเงินกว่า 750 ชนิด แต่ปัจจุบันสกุลเงินเหลืออยู่เพียง 20% เท่านั้น เนื่องจากการอ่อนค่าของเงิน จนสกุลเงินนั้นสุดท้ายกลายเป็นสิ่งไร้ค่า สาเหตุของการอ่อนค่าของเงินเริ่มต้นจากหนี้ เมื่อประเทศมีหนี้มากขึ้น เศรษฐกิจเริ่มไม่ดี ธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ ก็จะออกนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่เมื่อนโยบายนี้ยังไม่สามารถช่วยให้หลุดพ้นจากวิกฤตได้ สิ่งต่อมาที่ธนาคารกลางจะทำคือ การพิมพ์เงินใหม่ ซึ่งการพิมพ์เงินนี้เอง ทำให้เกิดการอ่อนค่าของมูลค่า สาเหตุของการเกิดหนี้มหาศาลในอดีตคงหนีไม่พ้นเรื่องการทำสงคราม เนื่องจากต้องใช้เงินอย่างมากในการสนับสนุนกองทัพ และประคองเศรษฐกิจที่ยากลำบากในขณะนั้น ประเทศที่แพ้สงคราม จะต้องเผชิญกับวิกฤตอย่างหนักของหนี้สิน ทำให้เกิดการพิมพ์เงินขึ้น และในที่สุดก็จะเกิดการลดค่าเงิน ทั้งนี้ประเทศที่เป็นฝ่ายชนะ ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหานี้เช่นกัน แต่อาจจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับประเทศที่แพ้ 

จึงสามารถสรุปได้ว่า ประเทศที่มีความมั่นคงนั้นจะเกิดได้จาก ประเทศมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งเพราะมีหนี้สินที่ค่อนข้างต่ำ ช่องว่างระหว่างชนชั้นน้อย คนทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง มีการศึกษาดี ผู้นำที่เข้มแข็งและมีความสามารถ และโลกที่สงบสุข

สิ่งที่ประเทศผู้นำที่จะต้องทำให้ได้ เพื่อการสร้างระเบียบใหม่

1. มีอำนาจจากการรวบรวมเสียงสนับสนุนจนเป็นเสียงส่วนมาก

2. ลดอิทธิพลของฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีต่างๆ

3. จัดตั้งระบบและสถาบันที่ทำให้ประเทศดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

4. ระบบการในสืบทอดอำนาจที่ให้ผู้นำที่ยิ่งใหญ่บริหารได้ต่อไป

วัฏจักรของประเทศมหาอำนาจในอดีตแสดงให้เห็นว่า การปฏิวัติและสงครามจะทำลายระบบของประเทศมหาอำนาจเดิม ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นการเกิดขึ้นของประเทศมหาอำนาจใหม่ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 10 ถึง 20 ปี การเปลี่ยนแปลงใหม่แสดงโดยพื้นที่แรเงาในแผนภูมิ หลังจากนั้นจะตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองที่ยาวนาน จะไม่มีประเทศใดต้องการต่อสู้กับประเทศมหาอำนาจใหม่เพราะแข็งแกร่งเกินไป ซึ่งช่วงเวลาแห่งความสงบสุขจะใช้เวลาประมาณ 40 ถึง 80 ปี

อ่านบทสรุปเพิ่มเติม
วีดีโอที่เกี่ยวข้อง
ที่มา Principles by Ray Dalio Principles for Dealing with the Changing World Order by Ray Dalio
.
ที่มา The Secret Sauce โดย เคน นครินทร์​ เล่าถึงโลกที่เต็มไปด้วยความโกลาหลและความวุ่นวาย โดยหวังว่าจะช่วยบอกเล่าได้ว่า เหตุการณ์ในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในอดีตอย่างไร และเรากำลังจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใดในอนาคต 
.
 ขอพลังแห่งการวิวัฒนาการจงอยู่กับคุณ

รวบรวม

www.iok2u.com

----------------------------------------------------------

แนะนำหนังสืออื่นของ Ray

วิดีโอแนะนำหนังสือ Principles for Success (หลักการสู่ความสำเร็จ)

วิดีโอแนะนำหนังสือ The Changing World Order: Why Nations Succeed and Fail

--------------------------------------------

ขอต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
www.iok2u.com
แหล่งข้อมูลสารสนเทศเพื่อคุณ

เว็บไซต์ www.iok2u.com นี้เกิดมาจาก แรงบันดาลใจในภาพยนต์เรื่อง Pay It Forward โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำหนดไว้ว่า ทุกครั้งที่เข้าเรียนสัมมนาหรืออบรมในแต่ละครั้ง จะนำความรู้มาจัดทำเป็นบทความอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อมาลงในเว็บนี้
ความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับมาทำการถ่ายทอดต่อไป และหวังว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์นำเอาไปใช้ได้ หากใครคิดว่ามันมีประโยชน์ก็สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้เลย โดยอาจไม่ต้องอ้างอิงที่มาหรือมาตอบแทนผู้จัด แต่ขอให้ส่งต่อหากคิดว่ามันดีหรือมีประโยชน์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และสิ่งดี ๆ ต่อไปข้างหน้าต่อไป Pay It Forward