ความแตกต่างระหว่างตลาดหลักทรัพย์ MAI และ SET

SET และ MAI ต่างทำหน้าที่เป็นตลาดทุนช่วยให้บริษัทระดมทุนเพิ่มเติมจากสาธารณะ แต่ SET และ MAI ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่หลายอย่าง เช่น

SET หรือย่อมาจาก Stocl Exchange of Thailand ตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของประเทศไทย MAI หรือย่อมาจาก Market for Alternative Investment เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สองของประเทศไทย
SET เน้นไปที่บริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีทุนชำระแล้ว หลัง IPO ตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป MAI เน้นไปที่กิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งมีทุนชำระแล้ว หลัง IPO ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยเน้นไปที่ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตดีมีศักยภาพ
SET รองรับเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีทุนชำระแล้วขั้นต่ำ 300 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น MAI รองรับธุรกิจได้ทุกขนาด เพราะไม่มีการจำกัดทุนจดทะเบียนชำระแล้วและไม่มีกำหนดราคาขั้นสูง 
SET รับเฉพาะบริษัทที่มีกำไรสุทธิในระยะเวลา 2-3 ปี ล่าสุดก่อนยื่นคำขอรวมกัน > 50 ล้านบาท โดยในปีล่าสุดก่อนยื่นคำขอต้องมีกำไรสุทธิ > 30 ล้านบาท MAI ขอเพียงแค่มีกำไรสุทธิในปีล่าสุด ก่อนยื่นคำขอ > 10 ล้านบาท
SET ต้องมีผลการดำเนินงาน > 3 ปี ก่อนการยื่นขอจดทะเบียน MAI กำหนดระยะเวลาในการประกอบธุรกิจต่อเนื่องที่สั้นกว่า ก่อนการยื่นขอจดทะเบียนเพียง > 2 ปี
SET สามารถกระจายการถือหุ้นรายย่อย โดยมีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย > 1,000 ราย (หลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน)  MAI สามารถกระจายการถือหุ้นรายย่อยได้ > 300 ราย (หลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน) 
SET กำหนดให้ต้องมี Market Capitalization > 7,500 ล้านบาท  MAI กำหนดให้ต้องมี Market Capitalization > 1,000 ล้านบาท 
   
   
   

- IPO หรือ Initial Public Offering เป็นการระดมเงินทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์โดยการขายหุ้น ซึ่งเป็นวิธีการระดมทุนมาตรฐานของบริษัทที่ต้องการเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก

- Market Capitalization คือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด  = ราคาปิดของหลักทรัพย์ x จำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียน